October 26, 2018 06:57
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอขอตอบไล่ไปทีละข้อคำถามนะครับ
1. โดยปกติแล้วคนเราจะไม่มีน้ำใสๆไหลออกมาจากอวัยวะเพศครับ การที่มีน้ำใสๆไหลออกมาอาจเป็นการบ่งบอกถึงความผิดปกติได้ โดยอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบภายในท่อปัสสาวะ
2. ความผิดปกติข้างต้นนั้นอาจใช้วิธีการตรวจหาสาเหตุได้โดยการเก็บตัวอย่างน้ำผิดปกติที่ไหลออกมาไปตรวจย้อมหาเชื้อและเพาะเชื้อก็จะให้ผลตรวจที่แน่ชัดมากขึ้น นอกจากนี้ก็ควรตรวจหาการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆที่อาจได้รับมาพร้อมๆกันได้ด้วย เช่น HIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี
3. ในกรณีที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศนั้นแม้รอยโรคจะหายไปแล้วตัวเชื้อก็จะยังมักหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทบริเวณนั้นทำให้ยังมีโอกาสแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนได้อยู่แม้ไม่มีตุ่มน้ำขึ้นแล้ว จึงอาจต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอยู่ครับ รวมถึงในที่นี้อาจต้องประเมินหาการติดเชื้ออื่นๆก่อนครับ เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีทั้งที่หายขาดและไม่หายขาด
4. ถ้าเป็นเริมตุ่มน้ำอาจหายไปได้แต่ยังมีเชื้ออยู่ทำให้ไม่เห็นรอยโรคของอีกฝ่ายได้ และถ้าหากเป็นหนองในอาการหนองในในผู้หญิงจะไม่แสดงออกมาอย่างชัดเจนทำให้บางคนไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อหนองในอยู่ได้ครับ
5. HPV ก็เป็นเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่อาจไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาในระยะแรกครับ ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายติดเชื้อ HPV จริงก็มีความเป็นไปได้ที่คุณจะติดเชื้อมาโดยไม่ได้แสดงอาการ
6. โอกาสที่เชื้อจะแพร่ไปสู่ลูกนั้นถ้าเป็นเริมหรือหนองในที่รักษาหายแล้วโอกาสก็มีน้อยครับ แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง เช่น HIV ก็มีโอกาสแพร่ไปสู่ลูกได้
โดยสรุปคือหมอแนะนำให้กลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการซ้ำ และให้ตรวจหาการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆไปพร้อมกันด้วยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สวัสดีครับ ผมอายุ 24 ปี เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว ผมเกิดอาการ ติดเชื้อที่อวัยวะเพศครับ เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน อาการเริ่มแรกที่ผมเป็นคือ แสบและเจ็บ ตอนฉี่ บริเวณปลายน้องชายครับ ตอนแรกผมไม่ได้สนใจอะไรมาก จากนั้นประมาณ 2-3 วัน อาการผมเริ่มหนักขึ้นคือ เริ่มเจ็บที่ท้องน้อย และ ปวดบริเวณขาหนีบ ผมจึงเริ่มเสิจหาข้อมูลผ่าน Google และ ไปซื้อยามากินเอง เนื่องจากผมคิดว่าเป็นโรค หนองใน ยาที่ผมซื้อมากินคือยา azithromycin 250MG ผมกินทั้งหมด 8 เม็ด รวมเป็น ขนาดโดส 2G ตามที่ผมได้หาข้อมูลจาก Google หลังจากนั้น 2 วันโดยประมาณ อาการผมไม่ดีขึ้น และอาการเริ่มปวดหนักขึ้น มีอาการที่ผมขึ้นมาคือ มีตุ่มเกินที่บริเวณหัวเห็ดน้องชาย ขึ้นมา 3 ตุ่ม ลักษณะตุ่มคล้ายสิว หัวตุ่มมีหนอง คล้ายตุ่มสิว ลักษณะตุ่มตามภาพที่ผมแนบไฟล์ไปแบบเดียวกัน แต่ของผมเป็น 3 ตุ่ม ตุ่มพวกนี้สร้างความเจ็บปวดค่อนข้างมาก แต่ไม่มีอาการคัน บริเวณอื่นที่เป็นตุ่มและมีอาการคันคือ เหนือน้องชายขึ้นมา ตรงผิวหนังบริเวณท้องน้อย เป็นตุ่มใสๆ ผิวหนังรอบๆ แดง และมีอาการคัน ถ้าเกามันจะลามไปรอบๆ ผมจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาล เมื่อไปถึง ผมเล่าอาการให้ฟัง คุณหมอได้ให้ผมตรวจปัสสาวะ ผลปัสสาวะ ออกมาปกติ ผมบอกคุณหมอว่ามีตุ่ม และ มีอาการปวดท้องน้อย คุณหมอให้ผมเปิดดูตุ่มบริเวณน้องชาย และ ลงความเห็นว่าเป็นเริม และ ติดเชื้อทางเดิน ปัสสาวะ ผมได้ยามากิน 2 อย่าง คือ Acyclovir 400mg ทาน 5 เวลา 6.00 10.00 14.00 18.00 22.00 และ ยา ciprofloxacin 500mg ทาน 2 เวลา เช้าเย็น และ ยาทา Acyclovir 5% w/w หมอสั่งงดมีเพศสัมพันธ์ ต่อมาผมทานยา และ อาการดีขึ้นตามลำดับ ตุ่ม บริเวณน้องชาย และ ผิวหนังบริเวณท้องน้อยหายไป ไม่มีอาการคันหรือแสบ ระหว่างทานยา ตอนที่อาการเริ่มดีขึ้น ยาเกือบหมด ผมได้ช่วยตัวเอง และ มีเพศสัมพันธ์ โดยป้องกันตามปกติ เพราะคิดว่าน่าจะหายแล้ว เมื่อทานยาหมด อาการผมดีขึ้นในระดับ 8.5/10 อาการปวดท้องน้อยและตุ่มทั้งหมดหายไป ตอนนี้ อาการที่ผมยังเหลืออยู่คือ ปวดบริเวณขาหนีบด้านขวาแต่ปวดไม่มาก ถ้าเอามือกดจะปวดอย่างเห็นได้ชัด และ ผมมีอาการปวดบริเวณลำน้องชาย มีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศ เป็นน้ำสีใสแต่ไม่ใช่ฉี่ คำถามที่ผมอยากถามมีดังนี้ครับ 1.ผมควรไปพบหมอมั้ยครับ หรือ ปล่อยให้หายไปเอง 2.ผมอยากรู้ละเอียด เชื้อที่ผมเป็นคือเชื้ออะไรกันแน่ ผมควรตรวจแบบไหนครับ (ไม่เกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่าย) 3.เมื่อผมหายแล้ว ผมสามารถมีเพศสัมพันธ์กับแฟนได้โดยไม่ป้องกันไหมครับ 4.คู่นอนที่ผมสงสัยว่า นำเชื้อมาติดผม ไม่มีอาการใดๆ เลย เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ 5.คู่นอนอีกคนที่ผมมีเพศสัมพันธ์ด้วย (หลังจากที่ผมได้รับเชื้อ แต่ตอนมีเพศสัมพันธ์กัน ผมยังไม่รู้ว่าผมติดเชื้อ เนื่องจากยังไม่มีอาการ) มีอาการคล้ายผม เค้าไปพบแพทย์ แพทย์สันนิฐานว่าติดเชื้อ HPV แบบนี้ผมควรเชื่อแพทย์คนไหนครับ 6.ถ้าในอนาคตผมมีลูก จะมีโอกาศแพร่เชื้อไปที่ลูกได้มั้ยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)