สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ 20 ปี มีอาการข้อเท้าบวมและเจ็บเวลาเดิน (ข้างซ่ง้าย) เจ็บส้นเท้าทุกครั้งที่เดิน (ข้างขวา) มีเป็นตุ่มแดงจับแล้วเจ็บ ที่ขาข้างซ้าย 2 ตุ่ม ที่หัวเข่าซ้าย 1 ตุ่ม กินยาแล้วยุบพอหยุดยาก็กลับมาเปนอีกค่ะ แบบนี้มันคืออาการจะบ่งบอกถึงอะไรค้ะ

สวัสดีครับ สำหรับ การปวดเท้าดังกล่าว อาจจะเป็น โรครองช้ำ หรือ Plantar fasciitis คือ การอักเสบบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า
สาเหตุเกิดจาก
1.การใช้งานที่มากเกินไปจนร่างกายทนไม่ไหว เช่น การฝึกวิ่งที่หักโหมจนเกินไป หรือการวิ่งในระยะทางที่ไกลเกินไป
2.น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ในคนอ้วนมีโอกาสเกิดโรคนี้ได้มากกว่า เนื่องจากแรงกระแทก จะมีการแปรผันตามน้ำหนักตัวที่ลงไปบนส้นเท้า
3.โครงสร้างร่างกายผิดปกติ เช่น อุ้งเท้าสูง เท้าแบนและคว่ำ หรือส้นเท้าบิดออกด้านนอก

การรักษา คือ
1.ลดน้ำหนักตัว
2.หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าบนพื้นแข็ง
3.หากมีรูปเท้าที่ผิดปกติ ควรเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับรูปร่างของเท้า
4.กินยาแก้ปวด
5.กดนวดบริเวณที่ปวด เป็นต้นครับ

ไม่สามารถบอกได้ครับว่า เป็นก้อนอะไรครับ เพราะสามารถเป็นได้หลายอย่างครับ เช่น 
1.สิว จะเป็นก้อนแข็งๆ อาจจะเจ็บหรือไม่เจ็บ ก็ได้ 
2.ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ จะมีไข้ เจ็บที่ก้อน 
3.ต่อมไขมันอุดต้น จะเป็นก้อนนุ่มๆ ไม่เจ็บ 
4.ก้อนถุงน้ำ หรือ cyst จะเป็นเหมือนถุงน้ำ นุ่มๆ ไม่ปวด ถ้าอักเสบจะปวด 
5.เนื้องอกไขมัน จะไม่ปวด ก้อนอาจจะโตขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งการจะบอกได้ว่าเป็นไรต้องได้รับการจรวจร่างกายยืนยันครับ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ไปโรงพยาบาลครับ