August 09, 2018 20:42
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
1. หากเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนนี้มาก่อนหน้านี้ ก็สามารถตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้เลยค่ะทั้ง HIV และ ซิฟิลิส (ตรวจVDRL) ไม่ต้องรอ เพราะเป็นเชื้อคนละชนิดกัน การเกิดเริมไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องติดเชื้อ HIV เสมอไป ถึงจะเป็นเชื้อไวรัส แต่ก็เป็นคนละตัวกันค่ะ ไม่เกี่ยวกัน ไม่ต้องรอให้หายเริมก่อน ก็ตรวจได้
2. ถ้าสัมผัสเชื้อซิฟิลิสมาใหม่ๆ ระยะฟักตัวจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ จึงจะตรวจพบ แต่ถ้าหากไม่ได้มีการเปลี่ยนคู่นอน หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนเดิม แล้วกลัวติดเชื้อ ก็สามารถตรวจค้ดกรองได้เลยค่ะ และควรตรวจซ้ำที่อีก 3 เดือน ทั้ง HIV และ VDRL
3. ผู้ป่วยเป็นเริม ไม่จำเป็นต้องมี HIV อยู่ คนปกติก็สามารถเป็นเริมได้ค่ะ. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรตรวจ คือ HIV ซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบบี ซี ค่ะ เนื่องจากสามารถติดต่อผ่านทางเลือดและการมีเพศสัมพันธ์ได้ และแนะนำให้ตรวจภายในคัดกรองมะเร็งปาดมดลูกร่วมด้วยเป็นประจำทุกปี เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกพบได้ว่าเกิดจากเชื้อ HPV(human papilloma virus) ที่มาจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกันค่ะ
4. หมายถึงผลเลือดอะไรปกติคะ ถ้าตรวจ HIV และซิฟิลิส ไม่พบเชื้อ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากครั้งแรก ประมาณ 3 เดือนค่ะ ถ้าไม่พบก็ไม่ต้องตรวจต่อ ถ้ามั่นใจว่าแฟนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมาด้วย ก็อาจจะไม่ต้องตรวจซ้ำอีก แต่ถ้าหากไม่แน่ใจ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ค่ะ เพื่อป้องกันโรค
การรักษาเริมที่อวัยวะเพศ โดยทั่วไปจะให้ยารับประทาน ประมาณ 7-14 วัน ช่วงที่ทานยาอยู่ ก็ไม่ควรจะบริจาคเลือดค่ะ ถ้ารักษาหายแล้ว ก็ไปบริจาคเลือดได้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คุณหมอคะ ไวรัสตับซี ตรวจได้เลยไหมคะ หลังจากเสี่ยงหรือควรรอให้ครบเดือนก่อนคะ
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดิมมาก่อนหน้านี้ และกลัวติดเชื้อโรคติดต่อต่างๆ สามารถตรวจได้เลยทุกอย่างค่ะ ไม่ต้องรอ ไวรัสตับอักเสบทั้งบีและซี ถ้าไม่พบ ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำ อาจจะตรวจเป็นประจำปีไป แต่กรณี HIV และ VDRL ถ้าผลเป็นลบ ควรตรวจซ้ำที่ 3 เดือน เพราะอาจจะยังไม่พบเชื้อในระยะแรกหลังจากสัมผัสความเสี่ยงมาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สืบเนื่องจากหนูมีอะไรกับแฟนทางทวารโดยไม่ได้ป้องกันและเเฟนสำเร็จความใคร่ วันถัดมาหนูมีประจำเดือนแต่มาน้อยเนื่องจากทานยาคุม หนูมีsexกับแฟนทั้งทางด้านหน้าและหลัง ถุงยางเกิดขาดแต่ไม่แน่ใจว่าขาดตอนไหน หลังจากเราไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน 1 อาทิตย์ หนูมีอาการปัสสาวะแสบขัด จึงไปหาหมอปรากดว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ แต่แฟนหนูไม่มีบาดแผลของเริมเลยเดาว่าน่าจะเป็นพาหะ ด้วยความที้หนูกับแฟนอยู่กันคนละที่ เลยกังวลเรื่องโรคติดต่อเพราัตอนนี้หนูเป็นเริมที้อวัยวะเพศ ขออนุญาตสอบถามค่ะ 1. ถ้าเราเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ควรรอให้หายนานแค่ไหนคะถึงจะตรวจanti hivได้ เพราะเริมเป็นไวรัส อย่างนี้การตรวจจะมีผลกับตอนตรวจanti hivไหมคะ 2.ผลvrdl ตรวจได้เมื่อไรหลังเสี่ยงและต้องตรวจซ้ำไหมคะ 3.หนูเป็นเริมตอนนี้เท่ากับก่อนนี้ที้ไม่ได้ป้องกัน หนูเสี่ยงโรคอะไรและควรตรวจอะไรบ้างคะ กลัวมากค่ะ แล้วหนูจะเป็นHIV ไหมคะเพราะเป็นเริมอยู่ 4.หลังจากหายเริมแล้ว ผลเลือดเราจะปกติไหมคะ หรือต้องทานยาตลอดและสามารถบริจาคเลือดได้ไหมคะ รบกวนด้วยค่ะ หนูไม่เคยเป็นโรคเลยไม่ว่าจะที่บริเวณไหนของร่างกาย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)