May 19, 2019 13:44
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. เลือดที่ออกมาในวันที่ 1 - 5 พฤษภาคม มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่ และมาตามรอบปกติเดิมหรือเปล่าคะ
2. เลือดที่ออกมาในวันที่ 18 - 19 พฤษภาคม มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่คะ
3. นอกจากเลือดที่ออกมาและอาการปวดเกร็งท้องน้อย มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่คะ
4. นัดฉีดยาคุมครั้งต่อไปในวันที่เท่าไหร่คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
1. เลือดวันที่ 1-5 พฤษภาคม มีปริมาณน้อยค่ะ เนื่องจากเลือดที่ออกมาเห็นเป็นสีน้ำตาลด้วยอะค่ะ ใส่แค่แผ่นอนามัยเองค่ะ ไม่ชุ่มเลยค่ะ แต่เป็นรอบประจำเดือนปกติเพราะ (เพราะเพียงเริ่มเข็มแรก)
2. เลือดวันที่ 18-19 พฤษภาคม มีปริมาณมากกว่า ค่อนข้างชุ่มผ้าอนามัย และเห็นเลือดเป็นสีแดง
3. ไม่มีอาการผิดปกติอย่างอื่นนะคะ
4. นัดฉีดยาคุมครั้งต่อไปวันที่ 29 พฤษภาคมค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
1. ประจำเดือนปกติ ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ หรือต่อให้มาน้อย ก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยอย่างน้อย 1 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 วันค่ะ
การที่ผู้ถามมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม แต่มากะปริบกะปรอยไม่ชุ่มผ้าอนามัย ถือว่าผิดปกติ และไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ไม่ได้เป็นผลจากยาคุมที่เพิ่งฉีดไปค่ะ
2. เนื่องจากยาคุมชนิดนี้ต้องฉีดโดยสูตินรีแพทย์ ต่างจากยาคุมชนิดรับประทานที่สามารถหาซื้อมาใช้เองได้ ดังนั้น จึงตัดประเด็นสงสัยว่าเลือดกะปริบกะปรอยดังกล่าวเกิดจากข้อจำกัดบางอย่างที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมออกไปนะคะ เพราะเชื่อมั่นว่าคุณหมอได้ประเมินความเหมาะสมแล้วก่อนจะฉีดยาคุมให้ผู้ถาม
โดยทั่วไป ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 1 เดือน ไม่ได้มีผลข้างเคียงเด่น ๆ เป็นการมีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนไม่ปกติค่ะ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าเลือดกะปริบกะปรอยนั้นไม่ได้มีปริมาณมากหรือรบกวนชีวิตประจำวันมากนัก จึงแนะนำให้รอดูไปก่อนว่าเมื่อฉีดยาคุมเข็มต่อ ๆ ไปยังพบปัญหาเช่นนี้อยู่หรือไม่นะคะ
ถ้ายังมีเลือดกะปริบกะปรอยอยู่เหมือนเดิมในเข็มที่ 2 - 3 หรือมีเลือดออกมากขึ้นกว่าเดิม ควรกลับไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
3. หากไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาในสัปดาห์ที่ 4 ของการฉีดยาคุมชนิด 1 เดือน (ประมาณวันที่ 22 - 28 นับจากวันที่ฉีดยา) อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้เช่นกันที่จะมีประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติเล็กน้อย ดังนั้น หากมีเลือดออกมามากจนชุ่มผ้าอนามัย และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกตินั่นเองค่ะ
และหากมีการฉีดยาคุมเข็มต่อไปตรงตามกำหนด ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องนะคะ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประจำเดือนมาเร็วกว่าที่คาดไว้ประมาณ 1 สัปดาห์เช่นนี้ แนะนำให้โทรศัพท์ปรึกษาโดยตรงกับคุณหมอผู้ฉีดยา ว่าต้องการยืนยันวันนัดฉีดยาตามเดิม หรือต้องการเลื่อนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ค่ะ
4. ยาคุมกำเนิดไม่มีผลป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ ดังนั้น หากผู้ถามคาดว่าอาจมีความเสี่ยงดังกล่าว ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเพื่อป้องกันการติดโรคนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณมากนะคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
หากใช้ยาคุมกำเนิด (ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม) ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ประจำเดือนมาน้อยลงได้ค่ะ ซึ่งหากเป็นผลจากฮอร์โมนที่ใช้ก็ไม่ได้ส่งผลเสียใด ๆ ต่อสุขภาพนะคะ
แต่ผลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นใน 1 - 2 วันหลังฉีดยาตามที่ผู้ถามกังวลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ทั้งนี้ทั้งนั้นการฉีดยาคุมในครั้งนี้ก็ยังสามารถคุมกำเนิดได้อยู่ใช่ไหมคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเมื่อเป็นการใช้โดยสูตินรีแพทย์ จึงมั่นใจว่าคุณหมอมีการกรองข้อจำกัดที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมเป็นอย่างดีแล้ว ยาคุมจึงน่าจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ตามปกติที่ควรจะเป็นค่ะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประจำเดือนมาเร็วกว่าที่คาดไว้ จึงควรโทรศัพท์ยืนยันกับคุณหมอว่าจะนัดฉีดยาตามกำหนดเดิม หรือต้องการเปลี่ยนแปลงวันนัดใหม่หรือไม่ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากนะคะ
ดิฉันเพิ่งเคยฉีดยาคุมกำเนิดแบบ 1 เดือน เข็มแรก เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในวันแรกที่เริ่มเป็นประจำเดือน ต่อมาหลังจากฉีด พบว่าประจำเดือนมาน้อยและมีสีน้ำตาล เป็นประจำประมาณ 5 วัน แต่มาน้อยกว่าปกติมากๆ หลังจากนั้น ช่วงวันที่ 9 เป็นต้นมา ดิฉันมีเลือดออกกระปริดกระปรอยทุกวันและมีอาการปวดท้องน้อย จนถึงเมื่อวาน(18 พ.ค.)และรวมถึงวันนี้ มีประมาณเลือดไหลเยอะ มีอาการปวดเกร็งท้องน้อย เหมือนเป็นประจำเดือน ทั้งๆที่ยังไม่ถึงรอบเดือนที่จะมาอะค่ะ ค่อนข้างกังวลกลัวว่าจะเป็นอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่าคะ เพราะส่วนมากเท่าที่อ่านมา อาการแบบนี้จะเกิดกับผู้ที่ฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน และก็กังวลเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะเสี่ยงติดเชื้อหรือไม่คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)