October 10, 2018 14:07
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการตกขาวมามากผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ และหลายเชื้อ ซึ่งการรักษาจะต่างกันค่ะ ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อทำการรักษาได้ถูกต้องค่ะ ตกขาวที่พบบ่อย มีสาเหตุจากเชื้อต่างๆ ได้แก่
- ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น ลักษณะตกขาวคล้ายหนอง อาจเกิดจากเชื้อหนองใน ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง มักพบมีอาการแสบช่องคลอด หรือแสบที่ท่อปัสสาวะร่วมด้วย มีปัสสาวะแสบขัด หรือมีหนองออกมาจากท่อปัสสาวะ การรักษาต้องให้ยาปฏิชีวนะทั้งผู้ป่วย และคู่นอนด้วย
-ตกขาวมีสีเขียว บ่งบอกถึงการติดเชื้อในช่องคลอดค่ะ อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโปรโตซัวได้แก่ Trichomonas vaginalis ที่ทำให้เกิดอาการช่องคลอดและปากมดลูกอักเสบ อาการที่สามารถพบได้คือตกขาวปริมาณมาก มีสีเขียว หรือเหลือง หรือขาวขุ่น มีกลิ่นเหม็นมาก
ถ้ามีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย บ่งบอกว่าติดเชื้อขึ้นไปที่มดลูก อาจเป็นมดลูกอักเสบ หรืออุ้งเชิงกรานอักเสบร่วมด้วยได้ค่ะ สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อค่ะ
-การติดเชื้อราในช่องคลอด จะมีลักษณะสีขาวขุ่น ออกมาปริมาณมาก เป็นก้อนๆ คล้ายแป้ง บางครั้งเป็นก้อนๆคล้ายนมบูด และมักจะมีอาการคันช่องคลอดมาก รักษาด้วยยาเหน็บฆ่าเชื้อรา หากเป็นบ่อยแพทย์อาจพิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อราแบบรับประทานค่ะ
- ตกขาวสีเทา หรือสีขุ่นๆ มีกลิ่นเหม็น เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด มีความไม่สมดุลกันของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด จึงทำให้เกิดอาการช่องคลอดอักเสบ และมีตกขาวผิดปกติออกมาได้ อาจพบมีอาการแสบคันในช่องคลอดร่วมด้วยได้ หรือเจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์ สาเหตุอาจมาจากการสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ ทำให้สมดุลแบคทีเรียประจำถื่นเปลี่ยนแปลงไป เกิดการติดเชื้อขึ้น หรือเกิดจากการทานยาฆ่าเชื้อเป็นประจำโดยไม่มีข้อบ่งชี้ ก็ทำให้เกิดตกขาวนติดเชื้อได้เช่นกัน สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
แนะนำว่าควรไปตรวจภายใน เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อการรักษาที่ถูกต้องค่ะ อาการปวดท้องน้อยช่วงที่มีตกขาว อาจเกิดการติดเชื้อไปที่อุ้งเชิงกราน และทำให้มีอาการของอุ้งเชิงกรานอักเสบได้ การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อค่ะ
อาการปวดประจำเดือน จะมีสองแบบคือ คือ ปวดแบบไม่มีโรคใดแอบแฝง กับปวดแบบมีโรคแอบแฝง
- ปวดแบบไม่มีโรคแอบแฝง ปกติสามารถเป็นได้เมื่อมีรอบเดือน โดยไม่ได้เป็นโรคใดๆค่ะ ปวดเนื่องจากมดลูกมีการบีบตัว และสามารถปวดร้าวไปที่ปากช่องคลอด ทวารหนัก หรือหลังได้ เรียกว่า referred pain . ซึ่งสามารถพบได้ค่ะ
วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ได้แก่ การใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณท้องน้อย ความอุ่นจะช่วยลดความเจ็บปวด และช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น หากปวดมากทนไม่ไหว สาทารถใช้ยาลดปวดลดอักเสบทานได้ค่ะ และแนะนำให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้
- แต่หากอาการปวดนั้น เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดมากขึ้นทุกเดือนๆ หรือมีเลือดออกมากผิดปกติ อาจจะมีโรคอื่นๆซ่อนอยู่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ช็อคโกแลตซีสต์ ถุงน้ำรังไข่ เนื้องอกมดลูก เป็นต้น หากมีอาการลักษณะนี้ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการปวดประจำเดือน มีสาเหตุการเกิดสองแบบ ได้แก่
แบบแรก คือ เกิดจากการหดตัวของมดลูก เพื่อขับเลือดประจำเดือน สามารถเกิดได้เป็นปกติค่ะ โดยอาการอาจจะเกิดขึ้น ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน และในช่วงการมีประจำเดิอน โดยเฉพาะ 12-72 ชมแรกค่ะ อาการปวด จะปวดแบบบีบๆ เหนือหัวหน่าว บางคนอาจร้าวไปหลังได้ด้วย และร่างกาย อาจหลั่งสารความเจ็บปวดออกมา ทำให้มีอาการตามระบบร่วมด้วย เช่น ปวดศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศรีษะ ท้องเสียถ่ายเหลว เป็นต้นค่ะ
***แบบที่สอง คือ การปวดประจำเดือนทีมีสาเหตุมาจากความผิดปกติขอวระบบสืบพันธ์สตรีอื่นๆ เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอก ในมดลูก หรือการ ติดเชื้อ เป็นต้น ซึ่งในกรณีของคนไข้ อาจมีการติดเชื้อร่วมด้วย โดยเฉพาะเชื้อแลคทีเรียต่างๆ ทำให้มีตกขาวผิดปกติ ซึ่ง การรักษา อาจจะต้องตรวจภายใจอละอาจจะต้องตรวจน้ำตกขาวร่วมด้วยค่ะ การรักษา คือ การให้ยาฆ่าเชื้อค่ะ
ผู้ป่วยอาจประสบปัญหา เช่น ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติได้ค่ะ
คำแนะนำเบื้องต้น เมื่อมีประจำเดือนและมีอาการปวดประจำเดือนคือ
1.ทานน้ำมากๆ
2.ยาแก้ปวดที่ช่วยได้ เช่น mefenamic acid หรือ ponstan , diclofenac , ibuprofen , พาราเซตามอล เป็นต้น
3.การประคบอุ่น
4.พักผ่อนมากๆ
5.พยายามไม่มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดิอน เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อต่างๆได้ง่ายค่ะ
หากมีอาการผิดปกติ ที่หมอกล่าวไป ที่อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติที่จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนแบบที่สอง ได้แก่ ปวดมากจนรบกวนการเรียน / การทำงาน ปวดจนพักไม่ได้ ปวดนานไม่หาย มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุตรยาก หรือมีตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ คุณหมอ หนูเป็นประจำเดือนมากปวดท้องทรมานทุกครั้งเลยค่ะ และ เป็นตกขาวสีเหลืองไหลเป็นน้ำด้วยค่ะ รู้สึกปวดหน่วงท้องน้อยตลอดเลย กลัวมากค่ะ หนูเสี่ยงเป็นโรคอะไรหรือป่าวค่ะ ขอคำปรึกษาจากคุณหมอด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)