June 14, 2018 09:40
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
หากเป็นตุ่มน้ำใสปริมาณมาก ไม่มีหนอง มีอาการคันมากสงสัยเป็นภาวะผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส ลองเอาkeyword dyshidrosis ไปเปิดรูปในgoogleดูว่าเหมือนไหมค่ะ ถ้าเหมือนส่วนใหญ่โรคนี้มักไม่ทราบสาเหตุ แต่จากการศึกษา เชื่อว่าอาจเกิดจากการตอบสนองต่อผื่นแพ้สัมผัสบางชนิดได้ เช่น ผื่นแพ้สัมผัสจากสารนิกเกิล (Nickel, โลหะที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องใช้ประจำวันหลายชนิด เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ และเหรียญต่างๆ) หรือ แพ้ไรฝุ่น เป็นต้น
จากการศึกษาพบว่าหากมีภาวะเครียด อดนอน เจ็บป่วย การมีเหงื่อออกมาก ความร้อน การล้างมือบ่อยๆ สามารถกระตุ้นให้ผื่นกำเริบ หรือเกิดเป็นซ้ำได้
มักมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็ก 1-3 มิลลิเมตร ในบางกรณี อาจรวมตัวกันเป็นตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่ได้ มักเรียงตัวเป็นแนวตามด้านข้างหรือปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ด้านข้างฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือที่บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ก็ได้ มักเป็นๆหายๆ และมีอา การคันมาก บางครั้งอาจพบผิวหนังแตก แห้ง หนา จากการเกา, รอยเกา,และอาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน (Secondary bacterial infection) อันเนื่องมาจากการเกาผื่น/ผิวหนังอย่างมากได้
การรักษาผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส ได้แก่
การใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีความแรงสูง เช่น Clobetasol cream หรือ Betamethasone diproprionate cream เป็นต้น ในบางกรณีอาจใช้ยากลุ่ม Immunomoderator เช่น 0.1% Tacrolimusointment เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ได้ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังซ้ำซ้อน อาจใช้ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ยาปฏิ ชีวนะ) หรือถ้ามีลักษณะการติดเชื้อมาก อาจพิจารณารับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยลดอาการคันด้วยยาต้านฮิสตามีน (ยาแก้แพ้) หรือในบางกรณีที่มีอาการคันมาก ผื่นขึ้นเห่อมาก อาจพิจารณารับประทานยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นระยะเวลาสั้นๆได้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สอบถามผื่นที่เท้าน่าจะเกิดจากอะไรคับ รองเท้าไม่ได้อับชื้นคับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)