July 11, 2019 21:28
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการตามที่เล่ามานี้อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
จากอาการไม่มีความสุข มีอารมณ์เศร้า มีความคิดหรืออยากทำร้ายตัวเอง อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นอาการของโรคซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ
ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
การที่รูัสึกเจ็บปวด ไม่มีความสุข รู้สึกเบื่อ หรือการทำร้ายตนเองตรงนี้เป็นสัญญาณนะครับว่าคุณเองกำลังเผชิญกับความยากลำบากด้านจิตใจและต้องการการช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือแม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์
คุณหมอและพี่นักจิตวิทยาได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าไว้และคุณเองก็สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ ซึ่งการเข้าพบจิตแพทย์และนักจิตวิทยาจะทำให้คุณได้รับการประเมิน ได้ถ่ายทอดปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่และรับการช่วยเหลือที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา หรือการรับคำปรึกษาอย่างตื่อเนื่องนะครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งที่สามารถทำได้เองเลยก็คือ การหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยคุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความรู้สึกเศร้าหรือความต้องการทำร้ายตนเองลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ
แต่หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความเศร้าหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ไม่ต้องการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
สุดท้ายนี้หากมีความคิดฆ่าตัวตายเข้ามา และมีแนวโน้มว่าตนเองจะลงมือทำ สิ่งแรกควรทำคือการพาตนเองไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง หากว่าไม่สามารถทำได้ก็ควรจะต้องทำก็คือโทรติดต่อหาคนสนิทที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยเหลือเนื่องจากคุณมีความคิดแบบนี้ หรือสามารถติดต่อไปที่สมาคมสะมาริตันส์ได้ที่เบอร์ 02-713-6793 เวลาทำการ 12:00-22:00 ซึ่งการบริการจะเป็นการให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์เช่นเดียวกันครับ หรือสุดท้ายแล้วหากไม่สามารถติดต่อไปที่ทั้งสอง คุณสามารถติดต่อกู้ภัยฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้นำตัวเราไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียงได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้แฟนหนูเป็นซึมเศร้าหนักมากด้วยคะ หนูพยายามดูแลเค้า แต่สุดท้ายเค้าทิ้งหนูแบบดื้อๆ ไล่หนูแต่เค้าไม่มีใคร หนูเลยช่วยดูแลเค้าจนตอนนี้เค้ามีคนใหม่ละทิ้งหนูไป หนูวนกับความคิดอะไรก็ไม่รู้ อยากออกมากแต่เวลาเป็นภาวะจมน้ำ เหมือนหนูดิ่งลึกลงเข้าไปอีก คนรอบข้างคิดว่าหนูคิดมาก จมปลัก แต่หนูไม่รู้จะพูดกับใคร ไม่มีใครให้ระบาย รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้แฟนหนูเป็นซึมเศร้าหนักมากด้วยคะ หนูพยายามดูแลเค้า แต่สุดท้ายเค้าทิ้งหนูแบบดื้อๆ ไล่หนูแต่เค้าไม่มีใคร หนูเลยช่วยดูแลเค้าจนตอนนี้เค้ามีคนใหม่ละทิ้งหนูไป หนูวนกับความคิดอะไรก็ไม่รู้ อยากออกมากแต่เวลาเป็นภาวะจมน้ำ เหมือนหนูดิ่งลึกลงเข้าไปอีก คนรอบข้างคิดว่าหนูคิดมาก จมปลัก แต่หนูไม่รู้จะพูดกับใคร ไม่มีใครให้ระบาย รู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเราเลย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การที่ต้องแยกจากแฟนด้วยเหตุผลที่ยากจะยอมรับได้นั้นเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้เกิดอารมณ์เศร้าและความรู้สึกในแง่ลบต่างๆตามมาได้ครับ แต่ความเศร้าที่ปกตินั้นก็ควรจะค่อยๆดีขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป
การที่คุณยังคงจมอยู่กับความรู้สึกเดิมๆอยู่อย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดผลกระทบกับการใช้ชีวิตนั้นจึงอาจเป็นความเศร้าที่มากเกินไปและเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ตามที่หมอได้เคยอธิบายไว้ครับ
อย่างไรก็ตามการที่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆของตนเองไปเรื่อยๆนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดีครับ สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในตอนนี้คือคุณควรจะต้องหาทางฟื้นฟูสภาพจิตใจของตนเองขึ้นมาก่อนเพื่อให้ชีวิตเดินต่อไปได้ ในตอนนี้หมอจึงอยากให้คุณได้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการที่เกิดขึ้นก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ ตอนนี้มีความรู้สึก ทรมานในใจลึกๆ ทุกครั้งที่ตื่นนอนจะรู้สึกดิ่งมาก อยากจะร้องไห้ เหมือนกระจนกระวายในใจ บางครั้งเหมือนมีความกังวลในใจ เช่น กลัวสักวันไม่เหลือใคร กลัวการเปลี่ยนแปลง พ่อแม่ไม่อยู่ทำยังไง แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้ แต่มันไม่สบายใจบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอรู้สึกแบบนี้ก็จะอึดอัด ทรมานมากเลยค่ะ อยากทราบว่าตัวเองเข้าข่ายซึมเศร้ามั้ย แต่ไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเลยนะคะ
สวัสดีค่ะ ตอนนี้มีความรู้สึก ทรมานในใจลึกๆ ทุกครั้งที่ตื่นนอนจะรู้สึกดิ่งมาก อยากจะร้องไห้ เหมือนกระจนกระวายในใจ บางครั้งเหมือนมีความกังวลในใจ เช่น กลัวสักวันไม่เหลือใคร กลัวการเปลี่ยนแปลง พ่อแม่ไม่อยู่ทำยังไง แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่ได้กังวลเรื่องพวกนี้ แต่มันไม่สบายใจบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอรู้สึกแบบนี้ก็จะอึดอัด ทรมานมากเลยค่ะ อยากทราบว่าตัวเองเข้าข่ายซึมเศร้ามั้ย แต่ไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายเลยนะคะ
รู้สึกเจ็บปวด รู้สึกแย่เวลาตื่นนอน เป็นมากกว่า 2 ครั้งต่ออาทิตย์ ตอนเย็น ชอบมีภาวะจมน้ำ รู้สึกไม่มีแรง อึดอัดไปหมด ภาพแย่ๆเข้ามาในหัว บางครั้งจะรู้สึกเหมือนคนเอาเข็มมาจิ่มสมอง หลังๆ เริ่มมีการทำร้ายตัวเอง ไปสองครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำเพราะเพื่อนจับได้ เลยได้แต่ร้องไห้อย่างหนัก และช่วงนี้เบื่อๆหนืดๆ ไม่ชอบรอยยิ้มตัวเอง ไม่มีความสุข
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)