เกิดจากภาวะเครียดสะสม บวกกับรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้ายแรงติดต่อกันแล้วถูกปฎิเสธทางครอบครัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมสก่อน เหมือนคล้ายๆช๋อคกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น อาการเป็นอยู่9เดือนเต็ม แรกก็เริ่มรู้สึกการสั่งงานของสมองไม่ทำงานเลย และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เดือนแรกมีอาการปวดกระโหลศรีษะเหมือนมีเหล็กเจาะทะลุออกมา ตาเริ่มมีแสงว๊าบๆ ปวดหัวจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย หมดสติไป2-3ครั้ง แต่ก็ไม่ไปหาหมอ พอเข้าเดือนที่3-4อาการรับรู้รสชาติ กลิ่น หู ก็เริ่มดับเหมือนมันจะสัมผัสไม่ได้ ประมาณเดือนที่5อาการเริ่มหนักขึ้นทานอาหารกลืนแล้วมันสวนกับระบบหายใจเลยทำหัยรุ้สึกว่าทำไมทานอาหารลำบากขนาดนี้ ที่แย่ไปกว่านี้นคือแขนขาเริ่มอ่อนแรงเดินไม่เป็นก้าวต้องค่อยๆเดินที่ล่ะก้าว อาการที่แจ้งมาดิฉันเป็นโดยเฉียบพลันและพยายามฝืนตัวเองยุตลอดเวลาโดยไม่ไปหาหมอเพราะอาการมันเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีคัยเคยรู้จักดิฉันมาก่อน นืสัยเดิมเปลี่ยนหายไปโดยอัตโนมัติจนตกใจตัวเองในขณะที่เป็นโคม่ายุ ทุกวันนี้อาการกลับเป็นคนปกติได้100เปอร์เซ็นแล้วคิดอ่านแก้ไขปัญหาได้เหมือนเดิม แต่ดิฉันกังวลว่ามันจะกลับมาเป็นอีกแล้วไม่สามารถรับมือได้ (ที่ดิฉันเรียกว่าอาการโคม่าเพราะดิฉันเข้ามาอ่านแล้วอาการตรงกันทุกอย่าง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ดิฉันไม่สามารถอธิบายให้คนในครอบครัวฟังได้เลยว่าดิฉันเป็นอะรัยทำไมยุก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน ตอนแรกอาการไม่มีทีท่าว่าจะหายด้วยซ้ำ จนเวลาผ่านถึง9เดือนดิฉันทำทุกวิธีทางให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติให้ได้เพราะดิฉันยุต่างถิ่นสถานะการณ์มันเลวร้ายมากจนต้องทำหัยดิฉันรวบรวมพลังงานที่มีทั้งหมดทั้งๆที่ก็เหมือนตายทั้งเป็นให้กลับบ้านมาได้ ดิฉันต้องการคำแนะนำที่ชัดเจนที่สุดหรือแนวป้องกัน ขอบคุณค่ะ

ก่อนอื่นหมอขอทำความเข้าใจเรื่องอาการโคม่าก่อนนะครับ อาการโคม่าในทางการแพทย์นั้นหมายถึงภาวะที่มีการสูญเสียระดับความมีสติรู้ตัวของร่างกายไปทำให้มีอาการหมดสติ เรียกไม่รู้ตัวครับ จากอาการที่เล่ามานี้จึงยังไม่ถือเป็นอาการโคม่า

แต่อาการตามที่เล่ามานี้หมอคิดว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างสูงที่จะมีความผิดปกติบางอย่างภายในสมองได้ครับ เช่น การเป็นเนื้องอก การมีหลอดเลือดที่ผิดปกติในสมอง อาการของโรคลมชักบางชนิด เพราะอาการปวดศีรษะ เห็นแสงวาบ การรับรู้รสชาติ กลิ่น และการได้ยินที่เปลี่ยนไปล้วนเป็นอาการที่อาจเกิดจากความผิดปกติภายในระบบประสาทได้ทั้งสิ้นครับ ในกรณีนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการทางระบบประสาทโดยละเอียด รวมถึงอาจต้องมีการตรวจเอ็กซเรย์และคลื่นไฟฟ้าสมองในเบื้องต้นก่อน เพื่อหาว่ามีความผิดปกติภายในสมองหรือไม่ และจะได้ให้การรักษาต่อไปได้อย่างเหมาะสมครับ

แต่ถ้าหากๆด้รับการตรวจประเมินอาการโดยละเอียดแล้วไม่พบความผิดปกติทางสมองเลย และอาการนี้ก็เกิดขึ้นโดยสัมพันธ์กับความเครียดความกดดันภายในจิตใจอย่างชัดเจนก็อาจเป็นอาการของโรคแพนิคที่ทำให้มีอาการคล้ายคลึงกับความผิดปกติทางสมองได้ ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

สวัสดีครับ

อาการที่เล่ามา ขอแสดงความยินดีด้วย และชี้ให้คุณเห็นนะครับว่าคุณมีความพยายามและความเข้มแข็งมากครับที่สามารถหลุดออกมาจากสภาวะแบบนั้นได้ ซึ่งผมอาจจะขอเพิ่มเติมว่าเมื่ออยู่ในสภาวะเหล่านี้ที่รู้สึกว่าไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือว่าคิดอะไรได้อย่างปกติที่เราเคยทำ การเข้ารับการช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถเลือกได้นะครับ

ในส่วนของการป้องกันเรื่องเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น อยากให้หมั่นดูแลตนเองเพื่อให้สุขภาพจิตดีอยู่เสมอ เมื่อมีเหตุการณ์วิกฤตเกิดขึ้น สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือการหา support จากผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นคนที่เราไว้ใจ หรือผู้เชี่ยวชาญ และอาจจะมีกิจกรรมบางอย่างที่เราทำเพื่อให้ตนเองได้อยู่กับปัจจุบันและได้มีการปลดปล่อยความตึงเครียดที่มาจากเหตุการณ์วิกฤตเหล่านั้นครับ

ผมอยากให้คุณลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้สุชภาพจิตอยู่ในระดับที่เข้มแข็งและสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆได้อย่างไม่เกิดอาการที่รุนแรงมากครับ สุดท้ายนี้หากมีคำถามอื่นๆก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ