เมื่อ6เดือนก่อน ตรวจร่างกายประจำปี ultrasound พบถุงน้ำที่ตับขนาด 1ถุง 0.9มม หมอว่าเป็นsimple cyst ผลเลือด ตับ ไต ปกติหมดครับ แต่ด้วยความกังวลจึงไป mri อีกที่ ยืนยันว่ามี cyst 0.8 มม. 1ถุง 4และ2มม.อีกอย่างล่ะ1ครับ แต่หมอว่าเป็น cystธรรมดา ไม่ต้องกังวล สามเดือนถัดมาfollow up ultrasound พบถุงน้ำ 0.9มม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครับ ถัดมาอีกสามเดือน เมื่อวานซืน followup ultrasound กับตรวจเลือด ค่าตับ ไต ปกติหมด ค่าไขมันทั่วไปดีขึ้นทุกตัว ldlลดจาก170เหลือ140 โคเลสเตอรอล240เกลือ205 น้ำตาลสะสม จาก5.9เกลือ 5.6 uricจาก8 เหลือ 6.7 ผลultrasound ถุงน้ำ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ แต่คราวนี้เห็นถุง0.9กับ 0.4มม ครับ แล้วมีเจอ ติ่งเนื้อถุงน้ำดีขนาด 0.5มม มาอีก1ติ่งครับ ทางหมอรังสี แกว่า เป็นติ่งแบบbenign ไม่ต้องกังวล ส่งต่อไปหมอเฉพาะทางเดินอาหาร ก็ดูแล้วว่าไม่เป็นไร อีก6เดือนค่อยว่สกันใหม่ คำถามนะครับ 1. ติ่งเนื้อของผมนี่ อันตราย ต้องกังวลมั้ยครับ 2. อีก6เดือนหากมันใหญ่ขึ้น แล้วผมตัดสินใจตัดถุงน้ำดีทิ้ง ผมจะปลอดภัยจากมะเร็งถุงน้ำดีมั้ยครับ 3. มีคนที่เป็นทั้งถุงน้ำ และติ่งเนื้อแบบผมนี้บ้างมั้ยครับ มันเป็นสัญญานโรคร้ายอะไรรึเปล่าครับ

ตรวจซ้ำหลายครั้ง​แล้ว พบว่า ไม่ใช่มะเร็ง​ ก็ไม่ต้อง​กังวลไปครับ​ ไม่ได้เป็น​สัญญาณ​นำของมะเร็ง
ตรวจติดตาม ทุก 1-3 ปึ​ ก็น่าจะพอเพียง​

จริงๆ ต้องดูในผลอ่านของ MRI ที่หมอรังสีได้อ่านครับ ว่าติ่งเนื้อที่เจอนั้นคืออะไร (ติ่งเนื้อในที่นี้สำหรับผมมันเป็นคำรวมๆ ที่ใช้แจ้งกับผู้ปวยหรือญาตให้เข้าใจได้ง่ายครับ) แต่ถ้าหมอบอกกับผู้ป่วยว่าเป็น Benign ก็สบายใจในระดับนึงได้ครับ และนัดติดตามอาการตามที่หมอระบบทางเดินอาหารได้นัดอีกครั้งครับ เบื้องต้นยีงไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะเป็นมะเร็ง ถึงขั้นต้องตัดถุงน้ำดีนะครับ ถ้าหากหมอรังสีกับแพทย์เฉพาะทางได้อ่านผล MRI แล้ว ถ้าหากลักษณะติ่งเนื้อดังกล่าวคล้ายกับมะเร็ง แพทย์ที่ทำการรักษาคงจะต้องมีการตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติม ปรึกษากับแพทยืเฉพาะทางด้านอื่นด้วย รวมถึงไม่น่าจะนัดห่าง 6 เดือนอย่างนี้ด้วยครับ

อย่างที่บอกครับ สบายใจได้ในเบื้องต้น และคอยไปนัดติดตามอาการอย่างที่คุณหมอนัดนะครับ และหมอลองช่วย search ข้อมูลมาให้ Gallbladder polyp (ติ่งเนื้อที่ถุงน้ำดี) น่าจะใกล้เคียงกับโรคที่คุณบอกมาสุดแล้ว ลองอ่านบทความภาษาไทยที่นี่ดูก่อนได้ครับ "https://www.facebook.com/morlorkorlao/photos/a.1401371530163927.1073741828.1399461643688249/1445452119089201/?type=3&theater" เขียนไว้ดีมากๆ มีรูป คำอธิบายและมีแหล่งอ้างอิงที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายครับ ปล.แต่แหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือควรมาจาก textbook หรือเว็บไซต์งานวิจัยของต่างประเทศที่ได้รับความนิยม หรือถ้าเป็นภาษาไทยก็ควรเป็นของสมาคมหรือเวชปฏิบัติต่างๆ ที่ยอมรับกันทั่วประเทศเป็นต้น ที่เอาให้ลองอ่านดูอันนี้มันเข้าใจได้ง่ายสำหรับบุคคลทั่วไปครับ