สวัสดีครับคุณหมอ เมื่อ4วันก่อนผมได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนผมครับ แฟนผมเป็นผู้ชาย ตอนที่มีอะไรกันผมก็ใส่ถุงยางนะครับ ถุงยางก็ไม่ได้แตก พอสองวันต่อมาแฟนผมได้ใช้ปากออรัลเซกส์ให้ผม ตอนที่ออรัลเซกส์ผมไม่ได้ใส่ถุงยาง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกัน พอผ่านมา2วันอวัยวะเพศของผมมันก็มีน้ำใสๆลื่นๆไหลออกมา ทั้งๆที่ผมไม่ได้มีอารมที่ต้องการจะทำอะไร ผมกลัวว่ามันจะเป็นอาการระยะแรกของหนองในครับ ผมอยากให้คุณหมอช่วยบอกผมหน่อยว่ามันใช่อาการของหนองในรึเปล่าครับ ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ
การที่มีอาการน้ำใสๆผิดปกติไหลออกมาจากทางท่อปัสสาวะนั้น ก็มีโอกาสที่จะเป็นอาการเริ่มต้นของโรคหนองในได้ครับ โดยเฉพาะถ้าหากมีอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย ก็จะสนับสนุนว่ามีแนวโน้มที่จะมีสาเหตุมาจากโรคหนองในได้มากขึ้น

โรคหนองในนั้นเป็นโรคติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ และถึงแม้จะมีการใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยก็ยังมีโอกาสติดเชื้อได้อยู่ครับ รวมถึงการที่ถูกอีกฝ่ายทำออรัลเซ็กซ์ให้ ถ้าอีกฝ่ายมีการติดเชื้อหนองในในปากก็มีโอกาสที่จะทำให้มีการติดเชื้อหนองในได้เช่นกัน

ดังนั้นถ้าหากมีอาการดังกล่าวหมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันอาการให้แน่ชัดก่อนครับ เพื่อที่จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สามารถไปตรวจได้เลยครับ ถ้าเป็นโรคหนองในจริงก็จะได้ให้การรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ

โรคหนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งสามารถติดต่อสู่กันได้ง่ายในกรณีที่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีการติดเชื้อครับ และหลังติดเชื้ออาการก็มักเกิดขึ้นได้ค่อนข้างเร็วภายใน 2-3 วันหลังมีเพศสัมพันธ์

อาการของโรคหนองในนั้นจะทำให้มีอาการท่อปัสสาวะอักเสบ ทำให้มีน้ำผิดปกติไหลออกมาจากท่อปัสสาวะโดยอาจมีลักษณะเป็นน้ำสีเหลืองคล้ายหนอง(ในกรณีที่เป็นโรคหนองในแท้) หรืออาจเป็นเพียงน้ำใสๆที่สังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจน(ในกรณีที่เป็นโรคหนองในเทียม) รวมถึงอาจทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัดได้ครับ

นอกจากนี้ก็ยังพบได้บ่อยว่าจะมีการติดเชื้อหนองในแท้และหนองในเทียมมาพร้อมกัน ทำให้ในทางปฏิบัติแพทย์ก็จะให้การรักษาทั้งโรคหนองในแท้และหนองในเทียมในควบคู่กันไปในคราวเดียวครับ ซึ่งการรักษาที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบันคือการฉีดยาฆ่าเชื้อเข้ากล้ามเนื้อ 1 เข็มร่วมกับการรับประทานยาฆ่าเชื้อ

ในกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหนองใน ก็ควรพาคู่นอนมารักษาไปพร้อมๆกันด้วย ไม่เช่นนั้นเมื่อกลับไปมีเพศสัมพันธ์กันใหม่ ก็อาจทำให้ติดโรคหนองในมาใหม่ได้อีกครับ และในส่วนของการป้องกันการติดเชื้อก็สามารถทำได้โดยการใช้ถุงยางอนามัย และมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มั่นใจได้เท่านั้นครับ

โดยหลักๆแล้วโรคหนองในจะติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นการสอดใส่หรือการทำออรัลเซ็กซ์ ส่วนการติดต่อผ่านทางวิธีอื่นนั้นเป็นไปได้ยากมากครับ เนื่องจากการติดต่อนั้นจะต้องมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่มีเชื้ออยู่ ซึ่งเชื้อเหล่านี้มักจะอยู่ที่บริเวณอวัยวะเพศและในช่องปากของผู้ติดเชื้อ โอกาสติดเชื้อด้วยวิธีอื่นๆจึงเป็นไปได้ยากครับ

การติดเชื้อหนองในนั้นถ้าหากมีอาการติดเชื้อลุกลามมากขึ้น ก็อาจส่งผลให้มีอาการอัณฑะอักเสบและมีอาการปวดอัณฑะตามมาได้ครับ

หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการให้แน่ชัดก่อนครับ ไม่ควรปล่อยอาการผิดปกติเหล่านี้เป็นอยู่เป็นเวลานาน

หนองในที่คอนั้นอาการจะไม่ได้ชัดเจนเหมือนหนองในที่อวัยวะเพศครับ โดยในบางคนอาจมีอาการเจ็บคอ หรืออาจมีรราบหนองผิดปกติภายในช่องปากและลำคอได้

การที่จะวินิจฉัยหนองในที่คอได้อาจต้องใช้วิธีการเก็บตัวอย่างของบริเวณที่สงสัยว่าจะเป็นหนองในที่คอไปย้อมหาเชื้อหรือเพาะเชื้อเพิ่มเติมครับ

การรักษาทุกอย่างทางการแพทย์จะถูกเก็บเป็นความลับของผู้ป่วยเองอยู่แล้วครับ ทางโรงพยาบาลไม่มีสิทธิแจ้งให้คนอื่นหรือผู้ปกครองรับทราบผลตรวจเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากตัวคุณครับ

ดังนั้นคุณสามารถไปโรงพยาบาลเดิมที่คุณเคยรักษาอยู่ได้ครับ ไม่ต้องกังวลครับ

ถ้าหากไปตรวจในโรงพยาบาลที่มีสิทธิการรักษา เช่น สิทธิบัตรทองอยู่ ก็จะสามารถตรวจได้ฟรีครับ แต่ถ้าหากไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่มีสิทธิการรักษา ค่าใช้จ่ายก็อาจอยู่ที่ประมาณ 1000-2000 บาท ครับ

การตรวจโรคหนองในนั้นแพทย์จะเริ่มจากการสอบถามอาการและตรวจร่างกายเพื่อดูลักษณะของน้ำผิดปกติที่ไหลออกมาจากท่อปัสสาวะครับ ถ้าตรวจดูแล้วมีความชัดเจนที่จะเข้าได้กับโรคหนองใน ก็จะให้การรักษาในทันที

แต่ในกรณีที่ตรวจดูแล้วลักษณะของน้ำผิดปกติที่ไหลออกมาไม่เหมือนโรคหนองในอย่างชัดเจน ก็จะมีการเก็บตัวอย่างของน้ำผิดปกติดังกล่าวไปย้อมหาเชื้อและเพาะเชื้อเพิ่มเติมก่อนให้การรักษาครับ

การที่จะติดเชื้อ HIV หนองใน หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆนั้นจะติดเชื้อได้ต่อเมื่ออีกฝ่ายมีเชื้อเหล่านี้อยู่ในตัวเท่านั้นครับ

ถ้าหากมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีการติดเชื้อแน่ๆ ก็จะไม่สามารถติดเชื้อได้ครับ

แต่ถ้าหากไม่มั่นใจและยังไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อขอรับยาต้านไวรัสมารับประทานได้ครับ