January 08, 2019 09:48
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
ยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด ต่างจาก ชนิด 21 เม็ดตรงที่ 7 เม็ดสุดท้ายเป็นเม็ดแป้ง (หรือยาหลอก) มีไว้เพื่อกันการลืมรับประทานค่ะ
ดังนั้นการทำงานของยาทั้ง 2 แบบจะเหมือนกัน คือ
ยับยั้งการตกไข่ ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมน estradial (ขอแทนว่า E)และ อีกกลไกคือ ทำให้มูกเหนียวข้น อสุจิผ่านไม่ได้ กับ ทำให้ผนังมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัว ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมน progesterone (ขอแทนว่า P) ค่ะ
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดที่มีได้ทั่วไปคือ คลื่นไส้อาเจียน (ผลจาก estrogen E) เลือดออกกระปิดกระปอย (ผลจากโปรเจสเตอโรน P) น้ำหนักขึ้น (จาก P+E) หน้าเป็นฝ้า (จาก E) เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวนได้ค่ะ
ถ้าหยุดรับประทาน ก็สามารถมีลูกได้ตามปกติค่ะ
การเลือกรับประทาน แต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันที่ราคา และ สัดส่วนของปริมาณฮอร์โมน Eกับ P ค่ะ
จากผลข้างเคียงข้างต้น เช่นหากรับประทานยาที่มีสัดส่วน E สูง จะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า เป็นต้นค่ะ
ลองสอบถามเภสัชกรของเลือดยี่ห้อได้ แล้วลองรับประทานดู เนื่องจากการเกิดผลข้างเคียงของยาแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วยค่ะ
การเริ่มรับประทาน ให้เริ่มภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนนะคะ
หากทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ไม่ลืม ไม่ขาดนา โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยกว่า 0.3%ค่ะ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆอีก เช่น การฝังยาคุม การฉีดยาคุม การใส่ห่วงคุม เป็นต้น ล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป การเลือกใช้ขึ้นกับความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ การคุมกำเนิด ทำได้เพียงลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ลงมาเท่านั้นนะคะ ซึ่งจะลดได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นกับประสิทธิภาพของแต่ละวิธี และขึ้นกับการใช้ว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่
สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมรายเดือน หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยา จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ค่ะ แต่ถ้าผู้ใช้รับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% นะคะ
2. การเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรก แนะนำให้เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่แน่นอน
และหากใช้ทันช่วงเวลานี้ ยาจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ตกในรอบเดือนนั้นได้ทัน จึงถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน และสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้โดยไม่ต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ
3. หากเปรียบเทียบเฉพาะยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมสูตร 21/7 (หมายถึง ได้รับฮอร์โมน 21 วัน + ปลอดฮอร์โมน 7 วัน) ระหว่างยาคุมที่มีแผงละ 21 เม็ด กับยาคุมแผงละ 28 เม็ด จะต่างกันที่รูปแบบการใช้ค่ะ
นั่นคือ ยาคุมแบบ 21 เม็ด ในแผงจะมีเฉพาะ "เม็ดยาฮอร์โมน" เท่านั้น เมื่อรับประทานหมดแผงแล้วจะเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ ประจำเดือนจะมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว
แต่ถ้าเป็นยาคุมสูตร 21/7 แบบ 28 เม็ด ในแผงจะมี "เม็ดยาฮอร์โมน" 21 เม็ด + "เม็ดแป้ง" 7 เม็ด เมื่อรับประทานหมดแผงแล้วก็จะต่อยาคุมแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มอีก ส่วนประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผงนั่นเองค่ะ
จะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นยาคุมสูตร 21/7 เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ นั่นคือ ผู้ใช้จะได้รับฮอร์โมน 21 วัน และมีช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันนั่นเอง
ยาคุมบางยี่ห้อ จะมีทั้งแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ดให้เลือกใช้ค่ะ และหากผู้ที่เคยใช้แบบ 21 เม็ดกังวลว่าจะลืมต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนด (กลัวว่าจะเผลอเว้นว่างนานเกิน 7 วัน) ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้แบบ 28 เม็ดแทนได้ เพราะจะต้องรับประทานเม็ดแป้งวันละ 1 เม็ดจนครบ 7 วัน แทนการเว้นว่าง 7 วันนั่นเองค่ะ และเมื่อใช้ยาคุมครบ 28 เม็ดแล้วก็สามารถต่อแผงใหม่ในวันถัดมาได้เลย
อย่างไรก็ตาม ยาคุมแบบ 21 เม็ด จะมีการระบุ "ตัวย่อของวันในสัปดาห์" ไว้ที่แผง เพื่อให้ผู้ใช้แกะมารับประทานตามวัน จึงสะดวกในการตรวจสอบประจำวันว่ารับประทานยาคุมไปแล้วหรือไม่ หรือทราบและแก้ไขได้เร็วหากลืมรับประทานยา
ส่วนยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ดเกือบทุกยี่ห้อ จะมีการระบุเป็น "ตัวเลขลำดับการใช้" ไว้ที่แผง เพื่อให้ผู้ใช้แกะมารับประทานตามลำดับ ซึ่งอาจตรวจสอบประจำวันได้ยากกว่าค่ะ
ดังนั้น การเลือกใช้ก็ขึ้นกับความถนัดของผู้ใช้เอง ว่ายาคุมแบบไหนที่จะทำให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้ได้ถูกต้องและไม่ลืมรับประทานยา และไม่ลืมต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดนั่นเองนะคะ
4. ถ้าผู้ถามไม่มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด จะใช้ยาคุมยี่ห้อใดก็ได้ค่ะ เนื่องจากถ้าใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็ไม่แตกต่างกัน
แต่ถ้าผู้ถามมีโรคประจำตัว หรือมีข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมน ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม และพิจารณายาคุมหรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับผู้ถามนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือ มีเพศสัมพันธ์ กับแฟนหลายครั้งแล้วค่ะ แล้วตอนนี้กินยาคุมฉุกเฉินมาแล้ว 3ครั้งค่ะ กลัวว่าจะมีปัญหากับมดลูก และตัวยามีประสิทธิภาพลดลง เลยอยากจะกินยาคุม แทนแต่ไม่รุ้วิธีการกินอะค่ะ เห็นว่ายาคุมมี แบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ทำไมถึงมี2แบบอะคะ แล้วเราจะเลือกกินแบบไหน ไม่เคยทานยาคุม แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ แล้วทานยาคุมแบบนี้แล้ว ป้องกันไม่ให้ท้องได้ไหมคะ อยากให้สอนวิธีการกินและเลือกแบบกินว่าจะกินแบบ21เม็ดหรือ28เม็ดแล้วสามารถคุมกำเนิดได้มากไหมคะ มีโอกาสท้องสูงไหม แล้วกินยาคุมของอะไรดีคะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)