สวัสดีคะ จะสอบถามว่า เมื่อเดือนกันยาประจำหนูไม่มาคะ แล้วพอต้นเดือนตุลาคมวันที่2ประจำเดือนมา แล้วก็วันที่30 ตุลาคมประจำเกือนมาอีกครั้งคะ พอวันที่22พฤศจิกายนมีเพศสัมพัน แต่ใส่ถุงยางอนามัยพอวันจันที่26พฤศจิกามีเพศสัมพันอีกคะ แต่พอตอนเย็นไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน วันนี้วันทีี30แล้วประจำเดือนยังไม่มาเลยคะ อยากทราบว่าจะท้องได้มั้ยคะ

สวัสดีครับ
ในปัจจุบันนั่นยังไม่มีการคุมกำเนิดวิธีใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ครับ การมีเพศสัมพันธ์ที่ผ่านมานั้นมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ดังนี้
- วันที่ 22 พฤศจิกายน ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการแตกรั่ว จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 2%
- วันที่ 26 พฤศจิกายน ถ้าหากไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอื่นเลยนอกจากยาคุมฉุกเฉิน จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 15-25%

ในกรณีที่มีการขาดประจำเดือนไปหลังมีเพศสัมพันธ์จึงต้องสงสัยเอาไว้ก่อนว่าอาจมีการตั้งครรภ์ได้ครับ ในเบื้องต้นนั้นจึงควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

1. ถ้าใช้ถุงยางถูกต้อง และไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2% ส่วนยาคุมฉุกเฉิน ต่อให้รับประทานเร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ ดังนั้น ในกรณีที่ไม่มีปัญหาจากถุงยาง ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินเพิ่มเติมค่ะ

แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน ก็จำเป็นจะต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเพื่อลดความเสี่ยงลงนะคะ

2. หากประจำเดือนของผู้ถามมาตรงเวลาเหมือนครั้งก่อน การรับประทานยาคุมฉุกเฉินในวันที่ใกล้จะมีประจำเดือน จะยืดเวลาการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูกออกไป ประจำเดือนจึงมาช้า แต่โดยปกติก็ควรจะมาหลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่กี่วัน ดังนั้น แนะนำให้รอดูไปก่อนนะคะ ประจำเดือนอาจจะมาในไม่กี่วันหลังจากนี้ค่ะ

3. อย่างไรก็ตาม หากรอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อความชัดเจนได้นะคะ

1. ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ

2. การรับประทานยาคุมฉุกเฉินใกล้วันที่จะมีประจำเดือน จะทำให้เยื่อบุมดลูกชะลอการหลุดลอก ประจำเดือนจึงมาช้าค่ะ

3. แนะนำให้รอดูไปก่อนนะคะ อย่างไรก็ตาม ถ้ารอนานมากแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อความชัดเจนค่ะ

ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องโดยที่ไม่มีการแตกรั่ว โอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ก็มีเพียงแค่ 2% เท่านั้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ

ในตอนนี้หมอแนะนำให้รอประจำเดือนต่อไปก่อน ถ้าหากผ่านไปเกิน 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูตามวิธีที่หมอได้แนะนำไปเพื่อความแน่ใจครับ