สวัสคีค่ะคุณหมอดิฉันเข้ารับการถอนฟันเพื่อจัดฟันจำนวน 2 ซี่ ในวันอังคารที่ 4 ที่ผ่านมา พอถึงช่วงเวลาตอนกลางคืนประมาณเทียงคืน ดิฉันมีอาการปวดฟันมาก จึงได้ลุกขึ้นมาเพื่อจะทานยาแก้ปวด ในระหว่างเดินอยู่ ดิฉันได้ยินเสียงวิ้งๆในหูและมีอาการหน้ามืดล้มลม ใช้เวลาสักพักจึงฟื้น ผ่านมาประมาณ 5 วัน จนถึงวันนี้ วันที่ 10 ดิฉันยังมีอาการปวดศีรษะและมีอาการคลื่นไส้อาเจียนบ้าง เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ดิฉันจึงตัดสินใจกินยา Cafergot และ Domperidone แต่อาการปวดศีระแบบตื้อๆและอาการคลื่นไส้ยังไม่หาย ดิฉันอายุ 21 ปี น้ำหนัก 95 ส่วนสูง 171 มีโรคประจำตัวคือไมเกรน อยากจะขอคำแนะนำและวิธีการรักษาเบื้องต้นค่ะ ในอาทิตย์นี้ดิฉันติดสอบทั้งอาทิตย์ไม่สามารถไปหาหมอได้ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการไม่เฉพาะเจาะจง สามารถเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง เช่น
-การ ติดเชื้อ ที่ทางเดินอาหาร
-การพักผ่อนไม่เพียงพอ
-การทานน้ำไม่เพียงพอ
-ยาบางชนิด
-การทานเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
-โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
-การติดเชื้อตามระบบอื่นๆ
-ความเครียด วิตกกังวล

เป็นต้น

การรักษาเบื้องต้น เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานยาแก้อาเจียน งดชากาแฟ และคลายเครียด***ซึ่งอาการดังกล่าว ทั้งการปวดหัว คลื่นไส้ อาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอจากการสอบได้ด้วยค่ะ ดังนั้น นิกจากการใช้ยาแล้ว จะต้องพักผ่อนและคลายเครียดด้วยนะคะ

ดังนั้น หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นมาก เวียนศรีษะ หน้ามืด เป็นลม หรือ ปวดท้องมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะ

การรักษาโรคไมเกรน (migrain) นอกจากการใช้ยาแล้ว คนไข้ อาจต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดด้วย รวมถึง ถ้าควบคุมอาการไม่ได้ อาจต้องไปพบแพทย์ซ้ำเพื่อปรับยาค่ะ
>>โรค ไมเกรน คือ โรคชนิดหนึ่งซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าเชื่อได้ว่าอาจมีจุดกำเนิดจากก้านสมองที่ทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากภาวะที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล ส่งผลให้หลอดเลือดมีความไวต่อการกระตุ้นมากเป็นพิเศษกล่าวคือ มีการหด และขยายตัวของหลอดเลือดอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้
โดยลักษณะอาการปวดศรีษะจะมีลักษณะ ปวดบริเวณขมับโดยอาจจะปวดข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ บางกรณีอาจมีการปวดวนกันไป และมักจะปวดข้างเดิมอยู่ซ้ำ ๆ
ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่พบมาก ได้แก่ บริเวณเบ้าตา ลักษณะของการปวด ก็มักจะปวดตุ้บๆ ตามจังหวะของชีพจร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
การรักษาโดยการกินยาลดอาการปวด เช่น ไอบูโพรเฟน นาพรอกเซน เป็นต้น
การกินยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดหดและขยายตัวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเกิดขึ้น รวมถึง ถ้าควบคุมอาการไม่ได้ แพทย์บางท่าน อาจให้ยาที่ควบคุมอาการเพิ่มเติม เช่น amitryptylline , flunarizine หรือยากันชักบางชนิด ซึ่งต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ค่ะ
>>>อนึ่ง แนะนำว่า คนไข้ ควร หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกำเริบซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่นความเครียด บางคนเจออาการร้อนหรือที่ๆแสงสว่างมากๆก็กระตุ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนค่ะ

ดังนั้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรกลับไปตรวจซ้ำค่ะ