January 20, 2019 20:51
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
สวัสดีค่ะ สำหรับโรค bipolar หรือ อารมณ์สองขั้ว เป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะมีอารมณ์แปรปรวนขึ้นลงเป็นช่วงๆ บางช่วงซึมเศร้า บางช่วงสนุกสนานร่าเริงมากเกินเหตุ การวินิจฉัยมคือการซักถามอาการจากแพทย์ และประเมินตามเกณฑ์การวินิจฉัย นอกจากนี้ยาที่ใช้ในการรักษาเป็นยาที่มีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง จึงไม่มีขายตามท้องตลาด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและเหมาะสมในการรักษาควรไปพบแพทย์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การวินิจฉัยโรคไบโพลาร์นั้นสามารถทำได้โดยการประเมินอาการโดยการพูดคุยกับจิตแพทย์โดยตรงครับ ทั้งนี้เนื่องจากจะต้องมีการประเมินพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่ได้เกิดจากสาเหตุอื่นๆครับ
ถ้าหากสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคไบโพลาร์ได้ เช่น มีอารมณ์ร่าเริงหรือหงุดหงิดง่ายผิดปกติ ร่วมกับมีความต้องการนอนน้อยลง ความคิดแล่นเร็วขึ้น มีเรี่ยวแรงมากขึ้น อยากทำนู่นทำนี้มากขึ้น ก็ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
สำหรับอาการไบโพล่าร์โดยปกติแล้วจะมีอาการที่เรียกว่าอาการ Mania กับ อาการของโรคซึมเศร้าสลับกันไปในช่วงเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยที่หากคิดว่าตนเองเป็นโรคนี้ ก็อยากจะแนะนำให้เข้าพบกับจิตแพทย์เพื่อรับการประเมินและวินิจฉัย นะครับเพื่อที่จะได้รับยามาทาน
การทานยาในโรคจิตเวชนั้นสิ่งสำคัญก็คือการพบแพทย์เพื่อปรับยาเป็นหลักครับ เพราะว่าในบางครั้งยาเหล่านี้มักจะต้องใช้เวลาไปซักเล็กน้อยจึงจะรู้ว่ายาจะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมองให้ได้ผลตามที่คุณกับแพทย์ต้องการหรือไม่ ดังนั้นก็อาจจะต้องใช้การเข้าพบแพทย์เป็นระยะๆ เพื่อติดตามอาการและปรับยาให้เข้ากับอาการหรือความรู้สึกของคุณครับ นอกจากนั้นยังต้องระวังในเรื่องของ side effect ของยาแต่ละตัวด้วยว่าจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณหรือไม่
นอกจากการรับประทานยาแล้ว การเข้ารับคำปรึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คุณรับมือกับโรคไบโพล่าร์นี้ได้ดีขึ้นนะครับ การดูแลตนเองให้รับมือกับความเครียด และมีกิจกรรมที่ช่วยในการปรับอารมณ์ มีการสนับสนุนจากครอบครัวและคนรอบข้างที่เข้าใจอาการของโรคก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้คุณรับมือกับอาการของโรคได้ดีขึ้นนะครับ
สุดท้ายนี้ผมแนะนำให้ลองเข้าพบจิตแพทย์ในโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านคุณดูเพื่อรับการวินิจฉัย ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นขั้นตอนแรกในการที่ทำให้คุณได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไปครับ ผมได้แนบบทความของ honestdoc ที่เกี่ยวกับโรคไบโพล่าไว้ด้านล่างนี้นะครับ ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านแล้วหรือไม่แต่เนื่องหาจะค่อนข้างครบถ้วนดี ถ้าเกิดว่ามีเวลาก็ลองเข้าไปอ่านดูได้นะครับ หรือหากมีคำถามเพิ่มเติมก็สอบถามเข้ามาได้ครับ
https://www.honestdocs.co/understanding-bipolar
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
หากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับโรคไบโพลาร์แล้วคิดว่าอาการอาจเข้าข่าย แต่สงสัยว่าควรจะพบจิตแพทย์หรือไม่ มีวิธีการสำรวจตัวเองดังนี้ค่ะ
1. อาการที่เป็นอยู่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับ การกินผิดปกติ การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป
2.ประสิทธิภาพในการทำงานหรือการเรียลดลง
3.สัมพันธภาพที่มีต่อคนรอบข้างแย่ลง
4.มีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อน เช่น มีปัญหาการเงินเนื่องจากควบคุมการใช้จ่ายไม่ได้ มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ เป็นต้น
อาการผิดปกติทางด้านจิตใจ ค่อนข้างเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวว่าป่วยนั้น โรคมักแสดงอาการออกมาทางพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปจากคนปกติทั่วไป อย่างไรก็ตาม หากคิดว่ามีอาการผิดปกติ ก็สามารถไปพบจิตแพทย์ ให้คุณหมอประเมินอาการ หากยังไม่จำเป็นต้องรักษา คุณหมอจะให้คำปรึกษาในการดูแลัวเอง หรือวิธีการจัดการกับอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะดิฉันป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และได้หยุดยาไปเกือบเดือนแล้ว แต่มีอาการอยู่อยากสอบถามว่าควรกลับไปรักษาที่เดิมต่อหรือย้ายคลินิคดีคะ เนื่องจากคิดว่ายาเซอทาลีนไม่ค่อยช่วยเลยค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ในกรณีที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วอาการกลับมาเป็นซ้ำนั้น ก็จะมีความจำเป็นต้องกลับไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและเริ่มการรักษาใหม่อีกครั้งครับ ซึ่งในกรณีนี้จะกลับไปพบแพทย์ที่เดิมหรือไปที่ใหม่หมอแนะนำให้ลองพิจารณาตามข้อดี-ข้อเสียเหล่านี้ดูครับ
ถ้าหากไปรักษาต่อในที่เดิมแพทย์ก็จะทราบประวัติการรักษาที่ผ่านมาของคุณอย่างชัดเจนทำให้อาจปรับเปลี่ยนยาได้ง่ายกว่าครับ ยกเว้นแต่ว่าในสถานพยาบาลเดิมมียาให้เลือกใช้จำกัดหรือมีความสัมพันธ์กับแพทย์ที่ไม่ดีมากนัก ก็อาจทำให้เกิดข้อเสียขึ้นได้ครับ
ถ้าหากต้องการไปรักษาในสถานพยาบาลใหม่ ก็อาจมีข้อดีที่จะได้รับการตรวจประเมินอาการจากแพทย์อีกคนหนึ่งซึ่งก็อาจมีแนวทางการคิดการรักษาที่แตกต่างไปจากที่เดิมได้ แต่ก็จะมีข้อเสียที่แพทย์จะไม่ทราบประวัติการเจ็บป่วยที่ผ่านมาของคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ อยากสอบถามว่านี้เข้าข่ายโรคซึมเศร้ารึเปล่าคะ มีอาการแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเองบ่อยๆค่ะ
1.หงุดหงิดง่าย ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่บางทีทำร้ายตัวเอง (แบบต่อยผนัง)
2.เวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน เกือบทุกวัน
3.ปวดหัวข้างเดียว บางทีปวดขมับ2ข้าง
4.นอนไม่หลับ ในหัวมันวุ่นวายไปหมด
5.รู้สึกไม่มีใครเข้าใจ
6.ชอบกัดฟัน
7.เวลาหงุดหงิดจะร้องไห้ประจำ
8.ปวดเนื้อปวดตัว ไม่มีแรง ง่วงนอนตลอดเวลา
ขอคำอธิบายหน่อยค้า
#ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
จากอาการข้างต้นนั้นยังไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะบอกได้ว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ถ้าหากสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ หมอก็แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อน เพื่อที่จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดและให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อ่านอาการไบโพลาร์ใน google แล้วอาการเหมือนหมดเรย แต่อยากทราบว่าจะรู้ได้ไงว่าตัวเองเป็นโรคนี้จริงๆ เพราะอยากทานยารักษาให้หายถ้าเป็นจริงๆ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)