1.เหตุผลที่คนไทยตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากอะไร 2. เราสามารถรักษาผู้ป่วยโดยไม่ต้องใช้ยาได้หรือไม่ 3. เราสามารถสังเกตุบุคคลที่เสี่ยงตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าได้อย่างไร 4. โรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ 5.การทานยากันต่อเนื่องมีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร 6. โรคซึมเศร้ามีระดับความรุนแรงหรือไม่อย่างไร

สวัสดีครับ
หมอขอตอบไล่ไปทีละคำถามนะครับ
1. ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่แค่คนไทย แต่สังคมทั่วโลกกำลังต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นครับ เนื่องจากการเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีที่รวดเร็วในปัจจุบันทำให้คนเริ่มมีการสื่อสารกันน้อยลง มีความสามารถในการสื่อสารทางด้านอารมณ์ได้น้อยลง มีการให้คุณค่ากับตัวตนในโลก social มากขึ้น ทำให้ความมั่นคงทางอารมณ์ของคนในปัจจุบันเริ่มมีน้อยลงครับ แต่นอกเหนือจากปัจจัยทางด้านสังคมแล้วก็ยังคงมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเป็นโรคซึมเศร้าอีก เช่น การทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ปัจจัยทางด้านพีนธุกรรม เป็นต้น

2. การรักษาโรคซึมเศร้าโดยไม่ใช้ยาสามารถทำได้ครับ เช่น
- การทำจิตบำบัด แต่ใช้เวลาในการรักษานานกว่ายามาก และถ้าหากเป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงจะไม่สามารถใช้ในการรักษาได้
- การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้าหรือคลื่นแม่เหล็ก การรักษาจะต้องมีการเดินทางไปกลับโรงพยาบาลบ่อยๆ ประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ การรักษานี้จึงมักสงวนไว้สำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้ารุนแรงจนไม่สามควบคุมด้วยยาได้เท่านั้น

3. บุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้ามักมีลักษณะที่สำคัญดังนี้ครับ มีอารมณ์เศร้าอยู่เกือบตลอดเวลา โทษตังเองบ่อยๆ มีความรู้สึกเบื่อไม่อยากทำสิ่งต่างๆ มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย

4. โรคซึมเศร้าที่มีความรุนแรงไม่มากและเพิ่งเป็นครั้งแรกๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ครับ

5. การรับประทานยารักษาโรคซึมเศร้าจะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไปตามชนิดของยาครับ โดยมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ น้ำหนักตัวลดลงหรือเพิ่มขึ้น แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้ก็มักเป็นเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆของการรับประทานยาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปก็มักไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาวครับ

6. โรคซึมเศร้าแบ่งออกเป็น 3 ระดับความรุนแรง คือ น้อย ปานกลาง และมาก ซึ่งการที่จะบอกได้ว่ามีโรคซึมเศร้ารุนแรงในระดับใดจะต้องได้รับการตรวจประเมินอาการจากจิตแพทย์โดยตรงก่อนครับ