จากที่หนูเคยถามคุณหมอไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนตามภาพที่แนบไปนะคะ คือเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายายได้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีไข้ และลืมตาดีขึ้น แต่ขายชอบยกขาขึ้นแต่หมอมัดไว้ ยายเสมหะไม่ค่อยมีแล้วค่ะ ยายเริ่มฟังรุ้เรื่อง ถามอะไรก็ส่ายหัวได้ แต่ยังใส่ท่ออยู่ และเมื่อวานยายมีไข้อ่อนๆค่ะ 37 และยายดิ้นช่วงเช้า ตแนพยาบาลอาบน้ำให้ และมาช่วงเย็นยายเริ่มไม่ค่อยลืมตา ซึมๆไปอีก หมอจะเจาะคอยายด้วยค่ะอีก2-3วัน เพราะหมอบอกยายหายใจเอฃไม่ค่อยได้ และต้องเอาท่อออกไวๆ ไม่งั้นจะเอาออกไม่ได้ ถ้าบายเจาะคอจะอันตรายหรือเสี่ยงไหมคะ ยายจะมีโอกาสหายไหมคะ มีข้อเสียไหมคะเจาะคอ ยายจะเจ็บไหมคะ รบกวนช่วยตอบทีนะคะ และอีกข้อยายเป็นแผลแดงๆที่ผิวหนังด้านเหนือก้นค่ะ อาจจะเป็นเพราะนอนหงายนาน คงรใช้้อะไรดีคะ หมอให้ใช้วาสลีนทาอยู่ค่ะตอนนี้ ขอร้องตอบหน่อยนะคะคุณหมอ สงสารยายมากๆค่ะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากผู้ป่วยไม่สามารถหายใจเองได้และต้องใส่ท่อช่วยหายใจนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ แพทย์ก็มักจะแนะนำให้เจาะคอเพื่อให้ผู้ป่วยหายใจได้ดีขึ้น สามารถดูแลดูดเสมหะได้ง่ายขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยลงครับ เพราะการใส่ท่อช่วยหายใจไปนานๆนั้นผู้ป่วยจะหายใจได้ยากกว่าและมีโอกาสที่จะติดเชื้อในปอดได้ง่ายกว่า

ในการเจาะคอนั้นแพทย์จะมีการดมยาสลบก่อนทำให้ผู้ป่วยจะไม่มีการเจ็บในช่วงที่ผ่าตัดอยู่แล้วครับ ส่วนหลังจากผ่าตัดแล้วก็จะต้องมีการดูแลรักษาความสะอาดของแผลผ่าตัดต่อเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่แผลจนกว่าแผลจะแห้ง

ส่วนการมีแผลเป็นรอยแกงที่ก้นจากการกดทับนั้นก็แนะนำให้ใช้การดูแลรักษาความสะอาดของแผล พยายามพลิกตัวบ่อยๆ และสามารถทาวาสลีนเพื่อลดการเสียดสีได้ครับ นอกจากนี้ก็อาจทายา silver sulfadiazine + zinc เพื่อช่วยในการหายของแผลได้ครับ

หลังการเจาะคอนั้นถ้าเกิดอาการดีขึ้นก็สามารถกลับมาเดินได้ครับ ส่วนการพูดนั้นก็อาจอยู่ในระดับที่พอพูดสื่อสารได้โดยที่เสียงอาจจะแหบและไม่ได้ชัดเขนมาดนัก แต่ถ้าหากอาการดีขึ้นมากก็มีโอกาสที่จะผ่าตัดปิดรูที่เจาะคอแล้วกลับมาพูดได้ครับ

ส่วนเรื่องความเสี่ยงหลังจากเจาะคอนั้นถ้าหากมีการดูแลรักษาความสะอาดของแผลเจาะคอดีก็มักไม่ได้ทำให้มีปัญหาอะไรตามมาในภายหลังครับ

ถ้าหากคุณยายมีการติดเชื้อในกระแสเลือดก็ถือว่าเป็นอาการในระยะที่ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดครับ เพราะในช่วงนี้อาการของคุณยายก็อาจจะไม่คงที่มากนักและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ อย่างไรก็ตามการติดเชื้อในกรพแสเลือดก็สามารถรักษาให้หายได้ถ้าหากเชื้อมีการตอบสนองต่อยาได้ดีครับ

ถ้าไข้เริ่มลดแล้วและคุณยายก็เริ่มตื่นรู้ตัวมากขึ้น ก็มีโอกาสที่การติดเชื้อจะเริ่มลดลง และอาการก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้ได้ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆเพิ่มเติมครับ

ในช่วงที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ชิ้นของผู้ป่วยอาจมีการยื่นออกมากว่าปกติได้เล็กน้อยครับ

แต่ถ้าหากอาการของคุณยายยังไม่ดีขึ้นชัดเจนก็เป็นไปได้ที่จะยังมีการติดเชื้อหลงเหลืออยู่หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นเกิดขึ้น ซึ่งก็จะต้องติดตามอาการกับแพทย์อย่างใกล้ชิดครับ

ในกรณีนี้บอกได้ยากครับว่าสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเกิดจากอะไร แต่โดยปกติแล้วผู้สูงอาการก็มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อต่างๆได้ง่ายกว่าคนทั่วไปอยู่แล้วเนื่องจากจะมีภูมิคุ้มกันที่น้อยกว่าครับ

ในกรณีที่มีการติดเชื้อในปอดที่มีการดื้อยาก็อาจต้องมีการเปลี่ยนยาเป็นชนิดที่เชื้อสามารถตอบสนองได้และก็ต้องมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุดครับ

มีโอกาสหายได้แต่ก็ต้องมีการเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดในระยะนี้ครับ และถ้าต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงของอาการอย่างถูกต้องมากที่สุดหมอแนะนำว่าควรสอบถามจากแพทย์เจ้าของไข้โดยตรงครับ

การเจาะคอในคนที่ใส่ท่อช่วยหายใจมานานนั้นจะทำเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อในปอดของผู้ป่วยและเพื่อให้สามารถดูแลทางเดินหายใจและเสมหะต่างๆได้ดีขึ้นครับ โดยหลักการทั่วไปการเจาะคอจึงมีประโยชน์กับคนที่ใส่ท่อช่วยหายใจมาเป็นเวลานานและยังไม่สามารถถอดออกได้ครับ ส่วนผลเสียที่อาจเกิดขึ้นก็คือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดมยาสลบระหว่างผ่าตัดครับ แต่ในส่วนนี้แพทย์ก็มักจะต้องประเมินแล้วว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่ำก่อนที่จะให้ผ่าตัด ถ้าต้องการข้อมูลที่จำเพาะกับตัวผู้ป่วยมากขึ้นก็สามารถสอบถามจากทีมแพทย์ผู้รักษาได้ครับ

ถ้าหากยังมีไข้และมีการติดเชื้ออยู่ก็อาจมีผลรบกวนการทำงายของสมองของผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้สูงอายุได้ครับ จึงอาจทำให้ระดับการมีสติรู้ตัวนั้นไม่เป็นปกติ

ส่วนการที่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยินนั้นก็อาจเกิดได้จากทั้งการที่ความมีสติรู้ตัวยังไม่เป็นปกติ และจากการที่ยังมีการใส่ท่อช่วยหายใจหรือการเจาะคออยู่ครับ

ยาฆ่าเชื้อไม่มีผลทำให้ผู้ป่วยซึมหรือไม่ลืมตาครับ

การที่คุณยายยังไม่ลืมตาหรือตื่นรู้ตัวนั้นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดนั้นก็มักเกิดจากภาวะเพ้อชนิดที่ไม่วุ่นวาย (Hypoactive delirium) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการทำงานของสมองถูกรบกวนจากการเจ็บป่วยต่างๆครับ ในกรณีนี้จำเป็นต้องหาสาเหตุและแก้ไขก่อนอาการจึงจะดีขึ้นได้

ส่วนอาการบวมนั้นอาจเกิดจากภาวะน้ำเกินในร่างกายได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นการได้น้ำที่มากเกินไป ภาวะโปรตีนในเลือดต่ำ การทำงานของตับ ไต หรือหัวใจที่ไม่ดี

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงการสันนิษฐานเบื้องต้นเท่านั้นอาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องทั่งหมดเพราะไม่ได้มีการตรวจผู้ป่วยโดยตรงครับ หมอแนะนำให้ถามอาการเพิ่มเติมจากแพทย์เจ้าของไข้อีกครั้งนะครับ

ถ้าหากคุณยายมีการติดเชื้อที่ดื้อยามากและมีอาการบวมก็ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงครับ ในช่วงนี้จึงต้องมีการติดตามอาการของคุณยายอย่างใกล้ชิดครับ ส่วนเรื่องการพยากรณ์โรคในอนาคตหมอแนะนำว่าควรสอบถามจากแพทย์เจ้าของไข้โดยตรงครับ