November 13, 2018 21:23
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการหน้ามืด อ่อนเพลีย วูบ บ่อยๆ มีหลายสาเหตุค่ะ
ตั้งแต่
1.สาเหตุทางหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นเร็ว คนไข้อาจมีอาการหน้ามืด ใจสั่น เป็นลมได้บ่อยๆ หรือมีความดัยโลหิตสูง หรือต่ำมากกว่าปกติ ก็อาจทำให้มีอาการหน้ามืดได้เช่นกัน
2.สาเหตุทางระบบประสาท คนไข้อาจมีอาการปวดหัว ตามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือมีแขนขาอ่อนแรง ชาแขนขา เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้ทีอาการชัก อาจเป็นชักเกร็งทั่งตัว ชักเหม่อ หมดสติ ก็เป็นได้ ซึ่ฝนอกจากต้องตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างละเอียดแล้ว อาจต้องตรวจตาด้วยค่ะ เช่น ไม่ได้มีภาวะตาเอียง ตาสั่นหรือยาว เป็นต้น
3.ระบบต่อมไร้ท่อ เช่น น้ำตาลต่ำ น้ำตาลสูงกว่าปกติ จากโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน คนไข้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยมากจนหน้าทืดเป็นลม ,ภาวะไทรอยด์สุง (hyperthyroid) ในกรณีของ Hyperthyroid คนไข้อาจมีปัญหาร่วม เช่น เหงื่อออกมาก ใจสั่น ถ้าจะให้ชัดเจน คนไข้อาจมีตาโปนมากขึ้น น้ำหนักลด ถ่ายเหลวบ่อย เป็นต้นค่ะ กรณีนี้แนะนำให้ไปตรวจร่างกายและไทรอยด์เพิ่มเติม
***ขอให้ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาด้วยนะคะ ถ้ามีการใช้ยาที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาลดน้ำหนัก มักผสมฮอร์โมนไทรอยด์ลงไป เพื่อหวังผลการลดน้ำหนัก อาจทำให้คนไข้มีอาการคล้ายๆไทรอยด์สุว ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน อันตรายถึวชีวิตค่ะ
4. อาการโลหิตจางที่เป็นมากๆ อาจทำให้มีอาการหน้ามืดใจสั่นได้ค่ะ รวมถึง การเสียเลือดมากอื่นๆด้วย เช่น ประจำเดือนมามาก อุบัติเหตุที่ทำให้เลือดออกมากๆ ถ่ายเป็นเลือดมากๆ ทาลัสซีเมียที่เม็ดเลือดแดงแตกมาก เป็นต้น ดังนั้น หากมีอาการโลหิตจางแล้วมีอาการหน้าทืดใจสั่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือดเพิ่ทเติม และอาจต้องได้รับเลือดค่ะ ******
5.สาเหตุเกี่ยวกับหูผิดปกติ เช่น โรคหินปูนในหู โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน คนไข้อาจมีอาการวิงเวียนศรีษะ หน้ามืด คลื่นไส้อาเจียนได้ค้ะ
6.Vasovagal syncope เป็นสาเหตุที่เกิดจากหลายระบบร่วมกัน พบได้ค่อนข้างบ่อย มักหน้ามืดตามหลัง เช่น การยืนตากแดดนานๆ การเบ่งนานๆ เป็นต้น ถ้าเป็นครั้งสองครั้งแล้วหาย อาจให้การรักษาแบบประคับประคอง เล่น การดื่มน้ำ นั่งพัก หยุดเบ่ง แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ ต่องไปพบแพทยืเพื่อหาสาเหตุค่ะ
7.ภาวะจิตใจ เช่น ความเครียด ภาวะ hyperventilation อาจทำให้มีอาการหน้ามืด ใจสั่น ปวดศรีษะได้ หายใจเร็ว สัมพันธืกับควสมเครียด ความตื่นเต้นได้ค่ะ แต่จะวินิจฉัยภาวะนี้ได้ ต้องไม่มีโรคทางกายอย่างอื่นค่ะ
จะเห็นได้ว่า ถเามีอาการหน้า มืดบ่อยๆ จำเป็นมากที่คนไข้ควรไปพบแพทย์ เนื่องจากแต่ละสาเหตุ ล้วนอันตรายและต้องการการรักษาและการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการหน้ามืด เกิดได้จากหลายสาเหตุมากค่ะ ที่สามารถเป็นได้ ได้แก่
1. ความผิดปกติของหัวใจ ที่ทำให้การสูบฉีดเลือดผิดปกติไป และอาจมีผลกระทบต่อความดันโลหิต เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคลิ้นหัวใจรั่ว เป็นต้น
2. โรคโลหิตจาง หรือโรคซีด จากสาเหตุต่างๆ เช่นการเสียเลือดจากประจำเดือนที่มามากผิดปกติ หรือการถ่ายดำ มีแผลเลือดออกในกระเพาะอาหาร โลหิตจางแต่กำเนิด เช่นโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น ซึ่งทำให้เกิดการขาดธาตุเหล็ก หรือมีเม็ดเลือดแดงผิดปกติไป ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงที่สมบูรณ์พอขนส่งออกซิเจนให้กับร่างกายได้เพียงพอ จึงทำให้เกิดอาการหน้ามืด
3. โรคทางเมตาบอลิกต่างๆ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ก็ทำให้เกิดอาการได้เช่นกัน หากไม่เคยตรวจแนะนำว่าควรตรวจสุขภาพประจำปีร่วมด้วย
4. โรคเครียดวิตกกังวล ก็ทำให้มีอาการได้เช่นเดียวกัน
5. การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน
6. โรคเกี่ยวกับฮอร์โมนไทรอยด์ ได้แก่
- ไทรอยด์เป็นพิษ มีการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์สูงมากผิดปกติ ผู้ป่วยมักจะมีอาการ เหนื่อยง่าย ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกง่ายผิดปกติ น้ำหนักลดลงผิดปกติ อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วยได้เช่น ผมร่วง หิวบ่อย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
- ไทรอยด์ต่ำ มีการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ได้ต่ำกว่าปกติ ผู้ป่วยมักจะมีอาการอ่อนเพลียบ่อย น้ำหนักตัวขึ้น แต่เบื่ออาหาร ง่วงหงาวหาวนอน ท้องผูกโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
โรคไทรอยด์ทั้งสองแบบนี้ อาจมีต่อมไทรอยด์โตขึ้น หรือต่อมปกติก็ได้ สามารถทราบได้จากการตรวจเลือด
7. การเสียเหงื่อและน้ำในร่างกายมากเกินไป เช่นออกกำลังกายอย่างหนัก ท้องเสีย อากาศร้อน
8. การตั้งครรภ์ ในช่วงเดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้มีอาการเหล่านี้ได้ เช่น หน้ามืด เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เหม็นเบื่ออาหาก เป็นต้น หากมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ หรือประจำเดือนขาด ควรตรวจทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ
แนะนำว่าควรไปตรวจกับแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แต่เหมือนอาทิตย์ที่แล้วเป็นไข้ขึ้นสูงอ่ะค่ะ พอจะเป็นไปได้มั้ยที่มันจะเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นไข้
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
หากอาการไข้ยังเป็นอยู่ อาจมีการติดเชื้อเรื้อรัง หรือ อันตราย หากอาการดังกล่าวเป็นมาก ควรไปตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
หากอาการไข้ยังเป็นอยู่ อาจมีการติดเชื้อเรื้อรัง หรือ อันตราย หากอาการดังกล่าวเป็นมาก ควรไปตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มีอาการเวียนหัว หน้ามืด แขนซ้ายชาเหมือนเป็นตะคริวค่ะ แล้วก็เวลาเดินมันจะวูบๆ เหมือนจะล้มตลอดเลย เหมือนร่างกายมันไม่มีน้ำหนัก คือพักผ่อนเพียงพอนะคะ แต่รู้สึกร่างกายมันเพลีย ตาจะปิดตลอดเลย แล้วก็ปวดเมื่อยตามร่างกาย อยากทราบว่าอาการแบบนี้คืออะไรหรอคะ แล้วมันจะร้ายแรงมั้ย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)