December 03, 2018 07:24
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
ภาวะเริมที่อวัยวะเพศมักจะมีอาการ แสบๆคันๆ นำมาก่อนเล็กน้อย แล้วมีตุ่มใสโดยลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ผิวใส บนพื้นสีแดง ขึ้นกระจัดกระจายหรือเป็นกลุ่ม ต่อมาตุ่มจะแตกเป็นแผลแล้วตกสะเก็ดหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์ บริเวณที่พบบ่อย ได้แก่ อวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ช่องคลอด ปากมดลูกทวารหนัก อาจพบได้ที่ท่อปัสสาวะ ริมฝีปากและเยื่อบุตาได้ด้วย มักมีอาการแสบร้อนตามมาค่ะ จากการรักษาเหมือนจะรักษามาในแนวทางเริมนะคะ การรับประทานยาไม่ได้ช่วยให้เริมหายสนิทนะคะ เนื่องจากเป็นเชื้อตัวเดียวกับโรคสุกใส ซึ่งเชื้อจะไปซ่อนที่ปมประสาท เวลาร่างกายอ่อนแอ ได้รับการพักผ่อนน้อยก็จะมีอาการซ้ำได้อีกค่ะ โดยที่บอกว่าเป็นครั้งแรกที่ การติดเชื้อครั้งแรก จะมีอาการรุนแรงมาก ใช้เวลานานกว่าจะหาย ส่วนผู้ที่เป็นโรคซ้ำ อาการของโรคจะเป็นน้อยและหายเร็วขึ้น หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเช่น ภาวะติดเชื้อซ้ำซ้อนกลายเป็นหนอง ส่วนการรักษา รับประทานยาacyclovior7-10วันค่ะ การรักษาด้วยยานั้นจะช่วยให้อาการดีขึ้นแต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อไปได้ทั้งหมดตามที่กล่าวมาแล้ว นอกจากนี้ยังไม่สามารถที่จะลดความถี่และความรุนแรงของการกลับเป็นซ้ำของโรคได้ หากมีความผิดปกติเพิ่มเติมแนะนำพบแพทย์ใกล้บ้านค่ะเนื่องจากสงสัยภาวะการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน อาจจะต้องได้รับยาปฎิชีวนะเพื่อรักษาเพิ่มเติม ส่วนยาโรคเริมก็รับประทานต่อไปร่วมกันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
ตุ่มที่อวัยวะเพศ จะต้องดูว่า ตุ่มที่ขึ้นนั้นมีลักษณะอย่างไร มีอาการคันหรือไม่ ตกขาวผิดปกติหรือไม่ ปัสสาวะแสบขัดหรือไม่ และอื่นๆ อีกเป็นต้น
ตุ่มนั้นมีหลากหลายสาเหตุมากครับ ยกตัวอย่างเช่น
1.ตุ่มที่เกิดจากเริม สามารถเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศได้ มักจะเป็นตุ่มน้ำใส มีอาการแสบ ปวดมาก ถ้าหากพึ่งเคยเป็นในครั้งแรก แต่ถ้าเคยเป็นมาแล้ว ในครั้งต่อๆไป อาจจะมีอาการไม่รุนแรง อาจมีอาการอื่นๆได้ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติ วิธีการรักษาคือการใช้ยา Acyclovir ซึ่งมีทั้งชนิดทา และชนิดรับประทานครับ การรับประทานยาในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังตุ่มขึ้น จะมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดจำนวนตุ่มและความรุนแรงลงได้ครับ
2.ตุ่มที่เกิดจากหูด โดยเฉพาะหูดหงอนไก่ มักมีลักษณะตุ่มคล้ายดอกกระหล่ำ ยื่นออกมาบริเวณผิวหนัง อาจมีอาการคันในบริเวณดังกล่าวได้ ตกขาวผิดปกติ วิธีการรักษาจะมีหลายวิธี เช่น การแต้มยาฆ๋าเชื้อหูด การผ่าตัด การยิงเลเซอร์ การจี้ด้วยความเย็นหรือไฟฟ้า ในกรณีที่มีตุ่มขึ้นเยอะ อาจจะต้องมาทำการรักษาหลายๆครั้ง และมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครับ
3.ซิฟิลิส โดยมักจะเป็นแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ก้นแผลดูสะอาด มักไม่มีอาการปวดหรือแสบ เมื่อไม่ได้ทำการรักษาแผลนั้นจะสามารถหายไปได้เอง แต่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย และจะเข้าสู่ในระยะที่ 2 และระยะที่ 3 นั่นคืออาการของโณคจะรุนแรงมากขึ้น วิธีการรักษา คือการเจาะเลือดตรวจหาเชื้อ ติดตามระดับภูมิคุ้มกัน และให้ยาปฏิชีวนะครับ
4.ตุ่มที่เกิดจากการแพ้สาร/ระคายเคือง มักจะขึ้นเป็นผื่นนูนแดง มีอาการคันมาก มักจะไม่มีอาการอื่น เช่น ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติ รักษาได้โดยการรับประทานยาแก้แพ้ หรือทายาแก้แพ้ ร่วมกับสวมใส่กางเกงหรือชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น และหลีกเลี่ยงสารหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดผื่นแพ้ หรือตุ่มคันที่เกิดจากเชื้อราก็จะใช้ยาฆ่าเชื้อราในการรักษาร่วมด้วยครับ
ส่วนหนองที่เกิดขึ้นจะต้องดูก่อนครับว่ามาจากไหน หากไหลออกมาจากช่องคลอด อาจมีโรคร่วมอื่นเพิ่มเติมเช่น โรคหนองใน เพราะโรคเหล่านี้ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมักจะติดมาร่วมกันเสมอ แต่ถ้าหากหนองนั้นไหลออกมาจากตุ่มเริมทีเ่กิดขึ้น ก็เป็นไปได้ครับ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน (bacterial infection) ซึ่งมักจะเกิดจากการดูแลรักษาความสะอาดแผลเริมดังกล่าวไม่ดี เกิดจากความสกปรก แคะ แกะ เกา เป็นต้นครับ เบื้องต้นแนะนำให้ใช้ยาที่ได้รับมาให้ครบตามกำหนด หรือระหว่างนี้หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจประเมินซ้ำครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ไปพบแพทย์สุตินารีมา มีอาการเริ่มต้นคือค้นบริเวณอวัยวะเพศมีแผลฉีกขาดเล็กน้อยแล้วตุ่ม1 เม็ด และแสบเวลาปัสสาวะเลยไปพบแพทย์ วินิจฉัยว่าอาจจะติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศและท่อปัสสาวะให้ยามาทานและทา แต่วันต่อมามีอาการเพิ่มเติมคือมีหนองร่วมด้วย เป็นปกติของเริมหรือเปล่าคะ แต่ก็มีตุ่มขึ้นเพิ่มนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)