พอดีผมโดนสุนัขกัดที่ขาอ่าครับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สุนัขผมยังไม่ฉีดยาเลย ผมที่โดนสุนัขกัดก็ยังไม่ได้ฉีด แต่ ตอนที่มันกัดผม ไม่มีเลือดออก ไม่เป็นแผล ผมควรทำอย่างไรครับ!?? ผมคิดมากมากๆเลย. และผมก็มีไข้ ผมมีอาการปวดหัวแต่ตอนเย็นๆอ่าครับ ไม่รู้เป็นไรเหมือนกัน มันเกิดจากอาการที่ผมคิดมากหรือปล่าวครับ หมอครับ ช่วยผมทีครับ

คนไข้จะไม่ต้องฉีดวัคซีนในกรณี สัตว์เลี้ยงมีครบสามข้อนี้เท่านั้นค่ะ ถ้ามีครบจึงจะความเสี่ยงต่ำคือ
1.มีเหตุจูงใจในการกัด เช่น ไปแหย่สัตว์ ทำให้สัตว์ตกใจ/เจ็บ
2.สุนัขหรือแมงได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 ครั้ง และครั้งหบังสุดไม่เกิน 1 ปี
3.ไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสสัตว์อื่น เลี้ยงในที่ปิด สังเกตอาการได้ ถ้าลักษณะสัตว์ไม่ครบ 3ข้อควรไปฉีดวัคซีนเลยค่ะ
ดังนั้น สุนัขไม่ได้ฉีดวัคซีนและคนไข้อาจมีแผลที่มองไม่เห็นก็ได้ แนะนำให้ไปฉีดวัคซีนก่อนค่ะ ถ้าครบสามเข็มแล้วสุนัขยังไม่ตาย (10 วัน) อาจจะหยุดฉีดที่สามเข็มได้ค่ะ ถือว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว

สุนัข ต้อง มีครบทั้งสามข้อค่ะ
1.มีเหตุจูงใจในการกัด เช่น ไปแหย่สัตว์ ทำให้สัตว์ตกใจ/เจ็บ
****2.สุนัขหรือแมงได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 ครั้ง และครั้งหบังสุดไม่เกิน 1 ปี ******
3.ไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสสัตว์อื่น เลี้ยงในที่ปิด สังเกตอาการได้
ถ้าสุนัขไม่ได้ฉีดวีคซีน ถือว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ค่ะ
คำแนะนำของการฉีดวัคซีนตามหลักของสถานเสาวภา ประเทศไทยค่ะ

ทันค่ะ ไปฉีดพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ

อาการปวดหัวสามารถเป็นได้หลายอย่างค่ะ ตั้งแต่ การติดเชื้อ เช่นติดเชื้อทางเดินหายใจ , นอนหลับพักผ่อนไม่พียงพอ , อากาศร้อนขาดน้ำ, โรคทางระบบประสาท , ความเครียด ซึ่งต้องอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดค่ะ ถ้ามีอาการ เช่น อาเจียน ปวดจนพักไม่ได้ ตามัว แขนขาอ่อนแรง แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ ถ้าไม่มี อาจใช้การพักผ่อน คลายเครียด ทานยาพาราเซตามอลก่อนได้ค่ะ

ข้อมูลของ WHO พูดถึงระยะฟักตัวของเชื้อพิษสุนัขบ้าประมาณ 1-3 เดือนและจะแสดงอาการใน 1 สัปดาห์-1 ปีค่ะ ก้อาจจะต้องสังเกตอาการยาวๆหน่อย ถ้าฉีดวัคซีนช้าค่ะ แต่ถ้าสุนัขยังปกติดี ก็น่าจะสบายใจได้ค่ะ

สำหรับอาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่มีอาการของสมองอักเสบ และไขสันหลังอักเสบ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมามีอาการคัน มักเริ่มจากบริเวณแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ แล้วลามไปส่วนอื่น บางคนคันมากเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบ มีน้ำเหลือง ต่อมาจะกระสับกระส่าย กลัวแสงกลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ หลุกหลิก กระวนกระวาย หนาวสั่น ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ บางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต มีอาการกลืนลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลว จะเกิดอาการปวดเกร็งทำให้ไม่อยากดื่มน้ำมีอาการกลัวน้ำ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคกลัวน้ำ ไม่อยากกลืนแม้กระทั่งน้ำลาย จึงทำให้น้ำลายไหล บางคนอาจปวดท้องน้อยและขา คนไข้เพศชายบางรายมีน้ำอสุจิไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กล้ามเนื้อกระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหรืออาจชักเกร็ง อัมพาต หมดสติและตายในที่สุด

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าค่ะ

http://r36.ddc.moph.go.th/r36/content/index/1

ขณะนี้ถือว่ายังโอเคดีค่ะ แต่จะให้ดีที่สุด รอผ่านไปสิบวัน ให้สังเกตอาการของสุนัขจะดีที่สุดค่ะ ถ้าครบสิบวันสุนัขปกติดี แนะนำให้ฉีดสามเข็ม ถ้าสุนัขป่วยหรือตาย แนะนำให้ฉีดจนครบห้าเข็มและส่งสุนัขตรวจที่ปศุสัตว์ ถ้าทำได้แบบนี้ โอกาสจะเป็นโรคจะน้อยมากๆและจะสบายใจที่สุดค่ะ

ฉีดวัคซีน 1 เข็ม(1 มล. หรือ 0.5 มล.แล้วแต่ชนิดของวัคซีนใน 1 หลอดเมื่อ
ละลายแล้ว) เข้าบริเวณกล้ามเนื้อต้นแขน (deltoid) ในวันที่ 0 (พรุ่งนี้), 3, 7, 14 และ 28

เข็มแรก น่าจะเป็นบาดทะยัก เข็มสองคือ วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่วก็เป็นไปตามแนวทางเวชปฏิบัติทั่วไปอยู่แบ้วค่ะ และวัคซีนพิษสุนัขบ้า ต้องฉีดอย่างน้อยสามเข็ม คุณหมอก็ทำถูกต้อวดีแล้วนะคะ คนไข้ปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำได้เลยค่ะ

การฉีดวัคซีนภายหลัง
สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าให้ใช้วัคซีนโดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ(intramuscular) หรือการฉีดเข้าในหนัง(intradermal)
โดยถือหลักการว่าการให้วัคซีนในช่วง 14 วันแรกจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค rabies
neutralizing antibody (Nab) titer จะขึ้นสูงมากกว่า 0.5 IU/มล. ซึ่งเป็นระดับที่ถือว่าเพียงพอในการป้องกัน
โรคได้ภายในวันที่ 10-14 หลังได้รับวัคซีนค่ะ