คือมีอะไรกับแฟนวันที่ 3 ตุลา ค่ะ แต่เข้าได้แค่หัวนะคะเข้าได้แค่นิดเดียวเพราะเจ็บมากค่ะแล้วก็ไม่ได้ทำต่อค่ะแฟนไม่ได้เสร็จนะคะ แล้ววันที่ 4 ตุลา ประจำเดือนมาปกติ มาประมาณ 6-7 วันค่ะ. หลังจากนั้นวันที่ 16 ตุลา ได้มีอาการป่วยไข้สูงและได้รับยาฆ่าเชื้อจากโรงพยาบาลที่หนึ่งมา รับประทานยาฆ่าเชื้อจนจะหมดและมีอาการข้างเคียงคือ ปากเป็นแผลร้อนใน วันที่21 ตุลา จึงไปหาหมอ ปรากฎว่าหมอบอกว่าเกิดจากการแพ้ยาค่ะหมอจึงให้หยุดกินยาฆ่าเชื้อทันที กลับบ้านมาพบว่ามีเลือดออกที่ช่องคลอด คล้ายประจำเดือนแต่ออกมาไม่มาก เลยสังเกตการไหลของเลือด ตื่นมาจะไม่ไหลค่ะ แต่ถ้าระหว่างวันมีการปัสสาวะแล้ว สักพักจะมีเลือดไหลมาที่กางเกงในพอเปื้อนๆค่ะ เป็นมาประมาน4 วัน เลือดก็หายค่ะ วันนี้วันที่ 7 แล้วประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ เครียดมากๆค่ะกลัวจะท้อง จะท้องมั้ยคะ ปกติประจำเดือนมาไม่ตรงกันค่ะ สองเดือนที่ผ่านมา ประจำเดือนมาวันที่ 8 กับ วันที่ 1 ค่ะ รบกวนตอบด้วยนะคะเครียดมากค่ะ

เราได้รับคำถามของคุณแล้ว รอทีมแพทย์มาตอบคำถามสักครู่นะคะ พูดคุยหรือสอบถามแอดมินได้ทุกวัน ทางไลน์ @honestdocs ค่ะ

สวัสดีครับ
เนื่องจากหลัฃการมีเพศสัมพันธ์ได้มีประจำเดือนมาครั้งหนึ่งแล้วจึงไม่ควรมีการตั้งครรภ์ครับ เนื่องจากถ้ามีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะต้องเจริญหนาตัวขึ้นเรื่อยๆเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและจะไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน

ในกรณีนี้ประจำเดือนจึงมีแนวโน้มที่จะมาช้าไปได้จากสาเหตุอื่นๆมากกว่าครับ เช่น
- มีความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ความเครียด
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไแ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
ซึ่งถ้าหากประจำเดือนเพิ่งมาช้าไปเพียงเล็กน้อยก็สามารถรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้ครับ

แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

เลือดที่ออกมาผิดปกติในระหว่างรอบเดือนนั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกันครับ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีแผลในช่องคลอด
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกบางอย่าง

แต่เนื่องจากเลือดดังกล่าวได้หยุดไปแล้วจึงอาจจะยังไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติมครับ อย่างไรก็ตามถ้าหลังจากนี้ยังควมีเลือดออกผิดปกติในลักษณะที่ไม่ใช่ประจำเดือนอีกหมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุครับ