ผมมีอาการโรคแพนิคเกือบทุกข้อเลยครับ ผมมีอาการ ตาลายเหมือนจะเป็นลม มึนหัว เครียด คิดมาก นอนไม่หลับเท้าเย็นชา หายใจเหนื่อยไม่เต็มอิ่ม วิตกกังวลว่าเป็นโรคอะไรในหัวสมองรึเปล่า เลยไปคลีนิคมาหมอแนะนำ ให้ไปเจาะเลือดเอาผลตรวจไปให้หมอดู ผลเลือดปกติครับ หมอสรุปบอกผมระบบปราสาทอัตโนมัติทำงานไวเกินไป ผมได้ยามาทานก็หาย แต่ผมหยุดยามาสักพักแล้วครับ ผมมีอาการมาสักสามสี่เดือนได้แล้วครับผมจึงขอคำแนะนำจากหมอหน่อย ผมอยุ่จังหวัดเพชรบุรี ไม่สะดวกไปหาหมอกรุงเทพ ผมจะรักษาได้ที่ไหน แล้วก้ต้องหมอด้านใดครับ(หมอที่คลีนิคแรกให้ใบส่งตัวไปสแกนสองกับเอ็กซเรย์ปอดด้วยครับ)

สวัสดีครับ
การรักษาโรคแพนิคนั้นสามารถรักษาได้โดยการไปพบจิตแพทย์ครับ ซึ่งในเบื้องต้นก็สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์จากลิงค์ข้างล่างนี้ได้ ถ้าหากสะดวกไปที่โรงพยาบาลใดก็สามารถไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลนั้นได้เลยครับ

https://www.honestdocs.co/list-psychiatric-hospital

แนะนำให้ตรวจอาการทางกายตามที่คลินิกแนะนำต่อเช่นเดิมครับ เนื่องจากการวินิจฉัยโรคแพนิคนั้นจะต้องมีการตรวจประเมินให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้มีอาการทางกายที่เป็นสาเหตุอยู่

อาการแพนิค เกิดจากความวิตกกังวลที่มีมากเกินระดับปกติ ส่งผลกระตุ้นให้ระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกายทำงานไวเกินไป ทำให้เกิดอาการผิดปกติแสดงออกมาทางร่างกาย เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เหนื่อย หน้ามืด มือเท้าชา เป็นต้น และเมื่อมีอาการทางกายเกิดขึ้น ผู้ป่วยมักไม่เข้าใจกลไกดังกล่าว ทำให้ยิ่งวิตกกังวลกลัวกับอาการมากขึ้น กลัวจะมีอาการจนเป็นอันตรายแก่ชีวิต จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะกลัวจะมีอาการกำเริบ และอาการแพนิคมักจะคาดการณ์ไม่ได้ด้วยว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวล ทุกข์ทรมานใจกับอาการค่ะ

การแก้ไขเบื้องต้น เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าอาการจะกำเริบ ให้ตั้งสติ หามุมสงบๆ กำหนดลมหายใจเข้าออกช้าๆลึกๆ บอกตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่อันตราย หากเราผ่อนคลายอาการจะดีขึ้น กำหนดลมหายใจไปเรื่อยๆจะช่วยให้อาการสงบลงได้ค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการรักษาแพนิค บางรายที่มีอาการจนควบคุมไม่ได้ ก็จำเป็นต้องใช้ยาช่วย ยาจะช่วยในเรื่องของการลดความวิตกกังวลค่ะ

ดังนั้นในกรณีนี้ แนะนำให้พบแพทยืตรวจหาสาเหตุทางกายให้แน่ชัดก่อนนะคะว่าอาการดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความผิดปกติทางกาย เมื่อตรวจทางกายแล้วไม่พบสาเหตุ ก็ต้องพบจิตแพทย์ตรวจหาสาเหตุทางด้านจิตใจต่อไป ให้คุณหมอประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสมต่อไปค่ะ