มีตุ่มขึ้นที่เยื้องๆจากมุมปากค่ะ​ เป็นมา4วันแล้วค่ะ​ ตอนแรกคิดว่าเป็นสิวธรรมดา​ แต่ลองค้นข้อมูลดูอาการคล้ายเริมเลยค่ะ วันที่2คันมากเลยไปแกะค่ะ​ วันที่3กลายเป็นแถบนูนแดง​ เลยทาเจลว่านหางจระเข้​บ่อยๆค่ะ​ แต่วันนี้กลับมาเป็นตุ่มเหมือนเดิมและดูเหมือนจะมีจุดเหลืองๆคล้ายหนองข้างในด้วยค่ะ​ อาการแบบนี้ใช่โรคเริมที่ปากไหมคะ​ กังวลมากค่ะ​ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลย​ เร็วๆนี้จะออกงานสังคมด้วยค่ะ​ มีวิธีทำให้อาการทุเลาขึ้นแบบไวๆไหมคะ​ TT​ //ถ้ายังมีตุ่มแบบนี้สามารถกอดหรือจูบผู้อื่นได้ไหมคะ

สวัวดีครับ
ลักษณะดังกล่าว คล้ายโรคเริมที่ริมฝีปากครับ

ไม่แนะนำให้กอด จุบ กินน้ำแก้วเดียวกัน ทานอาหาโดยใช้ข้อนกลางเสมอ และวดใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นครับ อาจแพร่เชื้อได้ครับ

>อาการของผู้ที่เป็นโรคเริมที่ปาก มักจะค้นพบตุ่มแดง ๆ ใส ๆ เกิดขึ้นบริเวณปากบนและปากล่าง อีกทั้งยังคงรู้สึกคัน และมีอาการปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา
>โรคเริมที่ริมฝีปาก เกิดขึ้นได้เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส Herpes โดยทางสัมผัสกับตุ่มของคนที่เป็นมาก่อนโดยตรง เช่น การจูบ การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน เป็นต้น
>เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายและทำการฟักตัวภายใน 2 – 10 วัน และหลังจากนั้นก็จะเกิดเป็นตุ่นน้ำใส ๆ ขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณริมฝีปากอย่างรวดเร็ว ซึ่งตุ่มน้ำใส ๆ นี้จะทำให้เกิดอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน แต่จะแห้งและหายไปภายใน 7-10 วัน
>คนที่เคยเป็นแล้ว จะไม่หายขาด แต่จะมีช่วงที่อาการสงบค่ะ ความเครียด การพักผ่อนน้อยเป็นอีกสองสาเหตุ ที่ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำได้เช่นเดียวกัน
>>การรักษา โรคเริมที่เกิดขึ้นบริเวณปาก ถือได้ว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่อย่างใด หลังจากที่เป็นประมาณ 2 สัปดาห์ โรคเริมจะค่อย ๆ แห้งและหายไปเอง แต่ถ้าหากต้องการหายจากโรคเริมอย่างรวดเร็ว สามารถเลือกซื้อยาต้านเชื้อไวรัสเฉพาะที่ มาทาบริเวณที่เกิดโรคเริมได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งผู้ป่วยยังคงสามารถรับประทานยาอะไซโคลเวียร์ร่วมด้วยได้ (ทานยาประมาณ 5 วันค่ะ) และถ้าหากมีอาการปวดมาก ยังคงสามารถประคบด้วยน้ำเกลือหรือน้ำเย็นที่บริเวณแผล วันละประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการปวดให้ลดลงได้นั่นเอง

**แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และให้การรักษาที่เหมาะสมค่ะ

ถ้าตุ่มหายแล้ว สามารถใช้ชีวิตปกติได้ครับ แต่ถ้าเริ่มมีอาการ ควรจะต้องปฏิบัติตามอย่างทึ่หมอแนะนำครับ