September 23, 2018 16:00
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
เวลาที่มีอารมณ์โกรธไม่พอใจอย่างรุนแรงจนส่งผลให้หายใจเร็วและแรงขึ้นมีอาการมือเท้าเกร็งนั้น อาจเป็นอาการที่เรียกว่า Hyperventilation syndrome ได้ครับ เวลาที่คนเรามีการหายใจเร็วเกินไปนั้นจะทำให้สมดุลของแคลเซียมในร่างกายเสียไปและทำให้มีอาการมือจีบเกร็งตามมาได้
การที่มีอาการในลักษณะนี้บ่อยๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ต้องระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆนั้น อาจเป็นผลจากปัญหาทางด้านจิตใจบางอย่างได้ครับ เช่น โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้วหรือไบโพลาร์ โรคระเบิดอารมณ์เป็นครั้งคราว (Intermittent explosive disorder) โรคบุคลิกภาพที่ผิดปกติ
หากมีอาการในลักษณะตามที่เล่ามาอยู่บ่อยๆหมอก็แนะนำว่าควรลองไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการเพิ่มเติมครับ เพื่อที่จะได้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการดังกล่าวอาจเกิดจากความเครียดทางจิตใจ ส่งผลให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวเกินปกติเกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย เช่นใจสั่น หายใจไม่อิ่ม แขนขาชา หน้ามืดเป็นลม ได้ค่ะ เบื้องต้นเมื่อมีอาการควรจัดการอารมณ์ด้วยการเดินหนี หลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ตรงนั้นไปก่อน ปรับความคิด ฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออก คือควบคุมจิตใจให้สงบ แต่หากปรับแล้วไม่ได้ผลก้ต้องพบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม รับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมต่อไปนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เวลาทะเลาะกับคนรอบข้าง มันจะมีอาการปวดหัวเเรงมาก คิดถึงเรื่องนั้นไม่หยุด หายใจไม่ค่อยอิ่มเหมือนจะหอบบางทีมีอาการแรงมากร้องไห้เกร็งหายใจหายใจไม่ออกไม่มีเเรงชาทั้งตัว เหนื่อย นอนไม่หลับแบบนี้ควรไปหาหมอมั้ยคะ (อารนี้เป็นทุกวัน)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)