แผลจากเริมกับแผลจากแมลงก้นกระดกแต่งกันยังไงค่ะ ดิฉันเกิดอาการแสบแดงบนอวัยวะเพศภายค่ะ และบริเวณขาหนีบค่ะ เกินขึ้นเมื่อ4วันก่อนค่ะ หลังจ่กตื่นนอนรุ้สึกแสบๆบนอวัยวะเพศภายนอกและบริเวณขาหนีบค่ะ 1-2 วันมีอาการแดงและเจ็บแสบเวลามือโดนค่ะ ถ้าโดนน้ำหรือปัสสาวะก่อไม่เจ็บแสบค่ะดิฉันจึงปรึกษาเภรสัรและรัยบาฆ่าเชื้อมาทานค่ะ พอเข้าวันที่3 อาการแดงแระเจ็บแสบเวลาโดนน้อยลงค่ะ แต่บริเวณที่เป็นมีรอยคล่ำๆค่ะและนู้นขึ้นลูบดูเป็นปื้นๆค่ะ พ่องขึ้นเหมือนรอยไหม้แต่ไม่เยอะ ส่วนตงขาหนีบก่อแดงขึ้นร่พ่องขึ้น จึงตัดสินใจไปหาหมอค้ะ หมอโรงพยาบาลบอกว่าเป็นเริมค่ะ แต่หมอที่บอกว่าลักษณะที่ดิฉันเป็นนั้นไม่คล้ายเริม แต่ก่อให้ยาฆ่าเชื่อเริมมาทานค่ะดิฉันทาไป2ครั้งแร่วค่ะ วันนี่วันที่4 แผลบนอวัยวะเพศดูตกสะเก็ดและลอกออกค่ะมีน้ำเหลืองด้วยค่ะสวนตอขาหนีบกับพองขึ้นกว่าเดิมค่ะ ถ้าเป็นแผลจากแมลงก้นกระดกเป็นไปได้ไหมค่ะ เพราะที่เป็นบ้านนอกค่ะ เวลานอนดิฉันไม่ใส่ชุดชั้นในนอนค่ะมีรูป ค่ะ รูปที่ 1-3เป็นรูปบนอวัยวะเพศค่ะ ส่วนรูป 4-6 เป็นรูปบริเวณขาหนีบค่ะ

สวัสดีค่ะ จากภาพนั้น ถ้าไล่ดูตั้งแต่วันแรกๆ ไปจนถึงภาพล่าสุดนั้น อาจบอกได้ยากค่ะ เนืองจาก อาการไม่ได้ชัดเจนมาก และอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
อย่างไรก็ตาม อาการอาจจะพอแนกได้บ้าง ซึ่งจะต้องมีอาการเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น
1.ประวัติ ที่บ่งบอกว่าอาจจะเกิดจากเริม ได้แก่ การมีเพศสัมพันธฺกัยผู้เสี่นง หรือ ผู้ติดเชื้อเริมอยู่ก่อน หรือ ประวัติแมลงสัตว์กัดต่อย
2.โรคเริม จะเป็นตุ่มน้ำใส เมื่อแตกออก ก็จะเป็นแผล มักขึ้นเป็นกลุ่มๆ ส่วนแผลจากก้นกระดก คนไข้อาจแสบมากทันทีหลังโดนแมลง และเมื่อไปสัมผัสบริเวณอื่น ก็จะมีอาการแสบแดงพองชัดเจนทันที
3.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะแยกเชื้อเริมได้ชัดเจนค่ะ กว่าการมองด้วยตาเปล่าค่ะ

ดังนั้น แนะนำว่า หากคนไข้รักษาด้วยวิธีต่างๆ เช่น การทายารักษาโรคเริมแล้วไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ซ้ำ เพื่อหาสาเหตุอื่นๆต่อไปค่ะ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน
แนะนำว่า งดแกะ เกา และรักษาความสะอาดให้ดีงดทีเพศสัมพันธฺจนกว่าอาการจะดีขึ้นค่ะ

1.สามารถเกิดจากสารระคายเคืองได้ เช่น สารเคมีต่างๆ หากทีการสัมผัสโดยตรง แต่ ถ้ามีการสัมผัสที่อื่นก้ควรมีอาการที่อื่นๆด้วยค่ะ
2.ยาฆ่าเชื้อทีหบ่ยชริด หากมช้แบ้วไม่ได้ผล อาจเกิดตากมช้ไม่ตรวเชื้อ หรือ ใช้ผิดรูปแบบ หรือ ใช้ระยะเวลานานไม่เพียงพอค่ะ
ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองนะคะ โดยเฉพาะยาฆ่าเชื้อ เนื่องจาก
1) การวินิจฉัยอาจผิดพลาด เนื่องจากไม่ได้ตรวจร่างกาย เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
2)ยาฆ่าเชื้อมีหลายชนิด รักษาเชื้อที่แตกต่างกัน การให้ยาที่ไม่ตรงกับเชื้อ นอกจากจะไม่ได้เป็นการกำจัดเชื้อแล้ว ยังก่อให้เกิดเชื้อดื้อยาในตัวคนไข้ ต่อไปจะเลือกใช้ยาฆ่าเชื้อได้ยาก เมื่อมีอาการป่วยจริงๆค่ะ
3) ยาทุกชนิด มีผลข้างเคียง หลังจากได้ยา อาจต้องมีการแนะนำ และตรวจติดตามทุกครั้ง จึงจะมีประสิทธิภาพในการรักษาค่ะ
ดังนั้น หากอาการไม่ดีขึ้นและรบกวนขีวิตประจำวัน คนไข้ควรไปตรวจซ้ำค่ะ