รู้สึกชีวิตไม่มีความสุขค่ะ เหมือนจะสุขแต่มันก็ไม่สุด รู้สึกท้อแท้กับตัวเอง หมดไฟเอาซะดื้อๆทั้งที่อายุเพิ่งจะ23เองค่ะ เป็นแบบนี้ได้5ปีน่าจะได้ค่ะ(ตั้งแต่เข้ามหาลัย)​ แบบนี้เข้าข่ายซึมเศร้าไหมคะหมอ ไม่รู้ว่าสาเหตุเริ่มต้น​มาจากอะไรค่ะ ส่วนตัวเป็นคนคิดมากอยู่แล้วค่ะ

สวัสดีครับ การรู้สึกไม่มีความสุข ท้อแท้ หมดไฟไม่อยากทำอะไรติดต่อกันเป็นเวลานานนั้นถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ ____________________________ อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น อ่อนเพลียไม่มีแรง ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ... ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ ____________________________ ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ ........... http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html ........... ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น ____________________________ ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบแน่ชัดก่อนว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

การที่ทำแบบทดสอบได้ 13 คะแนนเป็นการบ่งบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ ซึ่งโรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติไปจากเดิม และถ้าหากได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อปรับกาาทำงานของสารเคมีในสมองอย่างถูกต้องก็จะทำให้อารมณ์กลับมาดีเป็นปกติได้ครับ

ในกรณีนี้หมอจึงอยากให้คุณได้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการที่เกิดขึ้นก่อนเพื่อให้ทราบอย่างแน่ชัดว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากโรคซึมเศร้าจริงหรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

สวัสดีครับ

ในส่วนนี้ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับว่าคุณกำลังแบกรับความกดดันจากทางบ้านไว้และเริ่มมีภาวะเครียดสะสมอยู่มากจนทำให้ตนนี้ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ซ้ำยังไม่มีคนที่สามารถพูดคุยในเรื่องนี้ได้จึงทำให้คุณรู้สึกว่าไม่รู้จะไปพึ่งใคร ซึ่งจากการทำแบบทดสอบและด้วยอาการที่เล่ามาบางอย่างก็อาจจะเห็นด้วยกับคุณหมอในเรื่องของความเสี่ยงที่จะมีภาวะโรคซึมเศร้าอยู่นะครับ ดังนั่นหากเป็นไปได้ก็อยากให้ลองเข้าพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาดูถ้าหากคิดว่าต้องการความช่วยเหลือเผื่อที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่คุณต้องการให้มันเป็น

นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญผมขอเพิ่มเติมว่า คุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความเครียดลดลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะทำให้สภาพจิตใจและเป็นการฝึกเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวครับ

สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลานะครับ หากคุณมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะครับ

ในกรณีที่มีอาการมานานเป็นปี จริงๆแล้วอยากให้พบจิตแพทย์นะคะ เพราะซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากสารเคมีในสมองหลั่งไม่สมดุล การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ร่วมกับการทำจิตบำบัด ซึ่งถ้าจะใช้วิธีการปรับความคิดหรือหากิจกรรมอื่นๆที่คลายเครียดทำอาจจะไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นในระยะยาวนะคะ

ในกรณีที่กังวล กลัวจะมีประวัติการรักษาส่งผลกระทบต่อการทำงาน อันนี้จริงๆแล้วอยากให้คุณมองปัญหาปัจจุบันก่อน ซึ่งก็คืออาการที่เป็นอยู่แล้วจัดการปัญหาให้เหมาะสม ถ้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น ก็สามารถทำงานได้นะคะ อีกอย่างก่อนเข้าทำงาน บางตำแหน่งจะมีการตรวจร่างกายและสภาพจิตใจ ซึ่งคิดว่าถ้าคุณรักษาจนไม่มีอาการผิดปกติ การประเมินสภาพจิตในตอนนั้นผลก็ออกมาปกติค่ะ

ถ้าหากอาการเป็นติดต่อกันมานาน 5 ปีแล้วหมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนครับ เนื่องจากโรคซึมเศร้าเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ และถ้าหากสาเหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์เศร้านี้เกิดจากโรคซึมเศร้าจริง ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองใหม่การรักษาจึงจะได้ผลดีครับ

ในทางตรงข้ามถ้าหากเป็นโรคซึมเศร้าจริงและไม่ได้รับการรักษาด้วยยา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยตัวเองบางอย่างก็มีโอกาสที่จะช่วยให้อารมณ์กลับมาเป็นปกติได้น้อยกว่าการใช้ยามากครับ