May 19, 2018 23:22
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
โรคอารมณ์ 2 ขั้ว หรือไบโพลาร์นั้น
มักมีอาการทางอารมณ์แบ่งเป็นช่วงที่อารมณ์เป็นขั้วบวก คือ ดีร่าเริงหรือหงุดหงิดกับอารมณ์เป็นขั้วลบ คือ อารมณ์ซึมเศร้าครับ
แต่ก็มีโรคอารมณ์ 2 ขั้วบางชนิดที่คนไข้มีอาการเฉพาะอารมณ์ร่างเริงหรือหงุดหงิดเพียงอย่างเดียวได้ครับ ไม่ขอลงรายละเอียดลึกนะครับ
ในกรณีที่อารมณ์อยู่ในขั้วบวกมักมีอาการร่วมคือ รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ตัวเองยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น พูดเก่งขึ้น มีความคิดแล้นเร็ว เสียสมาธิได้ง่าย ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายไม่สมเหตุสมผล มีการลงทุนกับหลายๆสิ่งในเวลาเดียวกันโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน
ส่วนอารมณ์ขั้วลบผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้าครับ คือ มีอารมณ์เศร้าเกือบตลอดทั้งวัน เบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไร มีปัญหาในการกินการนอน ไม่มีสมาธิในการทำงาน มีความรู้สึกโทษตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอยู่บ่อยๆ รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง ความคิดช้าลง บางครั้งอาจมีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายร่วมด้วย
หากมีอาการที่เข้าข่ายตามที่อธิบายมาสามารถไปขอคำปรึกษาได้ในโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ทุกแห่งครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวชเท่านั้น
เบื้องต้นอาจเริ่มจากพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาก่อนก็ได้ครับ ถ้าหากที่นั่นไม่มีจิตแพทย์ ทางโรงพยาบาลจะทำเรื่องส่งตัวต่อไปโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ให้เอง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ในกรณีที่สงสัยว่ามีอาการของโรคอารมณ์ 2 ขั้ว และอาการนั้นทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิต กระทบต่อความสัมพันธืที่ดีต่อคนรอบข้าง กระทบการงาน การเงิน ฯลฯ ก็สามารถเข้ารับการตรวจและรักษาจากจิตแพทย์ ซึ่งสามารถไปพบจิตแพทย์ได้ที่แผนกจิตเวชของโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนค่ะ (ส่วนใหญ่จิตแพทย์จะมีประจำในโรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ)
หรือตอนนี้คุณอาศัยอยู่จังหวัดไหนหรือเขตไหนคะ จะได้แนะนำที่ใกล้ๆให้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ หนูอายุ 23 ปี อยาก ทราบว่าถ้า อาการ ตามที่กำลังจะเล่ามานี่เข้าข่าย ไบโพล่ารึป่าวค่ะ
บางวัน ก็อารมณ์ดี หัวเราะ คุยกับคนที่รู้จัก บางวันอยู่ดีๆก็ อารมณ์เสีย แบบหัวเสีย โมโหหงุดหงิดไปหมด ยิ่งบางที ถ้ามี ใครมาเล่าหรือ ทำอะไรให้ จะโมโหจนหน้าร้อน ทำอะไรไม่ได้มือสั่น อยากจะมีเรื่องกับเค้า บางทีถ้าปะทะ คุยกันเถียงกันจะเสียงดังทันที เหมือน ไม่ใช่ตัวเอง จะพูดให้เอาชนะให้ได้ คิดว่าตัวเองถูกต้องตัวเอง ชนะ ตัวเองดี ไปหมด พอสงบสติอารมณ์ได้ ก็จำคำพูดตัวเองไม่ได้ ว่า พูดอะไรไปบ้าง บางที ก็มาคิดว่าไม่น่าทำ ทำไมตอนนั้น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ บางทีทะเลาะกะใครก็เหมือนแบบ พูดกับเค้าด้วยความโมโหสุดๆจนพูดไม่รู้เรื่อง เหมือนไม่ใช่ตัวเราเอง
บางวัน เจออะไรเศร้าๆก็เหมือนจะร้องไห้เบื่อเหนื่อย ท้อ ทำไม ต้องเป็นแบบนี้ทำไมไม่เหมือนคนนี้ คนนั้นทำไมชีวิตเค้าดีทำไมชีวิตเราเป็นแบบนี่
แต่ใช้เงินจนเดือดร้อนครอบครัวคนรอบข้างยังไม่มีแค่ บางที ชอบซื้อของ ซื้อมาโดยไม่มีเหตุอยากได้ แต่เป็นคนหาเงินเองตั้งแต่เด็กเลย จะมี แว๊บนึงคิดว่า สิ้นเปลือง อาการประมาณนี้ค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
อาการดังกล่าว"มีส่วน"ที่เข้าได้กับโรคไบโพลาร์ดังนี้ครับ
-ช่วงอารมณ์ขั้วบวก คือ มีอาการหงุดหงิดง่าย มีความรู้สึกว่าความคิดตัวเองเป็นใหญ่เหนือกว่าคนอื่น ใช้จ่ายเงินซื้อของฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น
-ช่วงที่อารมณ์เป็นขั้วลบ คือ มีอารมณ์เศร้า เบื่อหน่ายท้อแท้ รู้สึกหมดหวังในชีวิต มองไม่เห็นสิ่งดีๆในตัวเอง
เท่าที่หมอจับใจความได้มีประมาณนี้ครับ ยังไม่ได้ครบเกณฑ์การวินิจฉัยของโรคไบโพลาร์เสียทีเดียว แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคนี้ครับ
ดังนั้นแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อซักถามข้อมูลเกี่ยวกับอาการเพิ่มเติมดูครับ เพราะอาจจะมีอาการบางอย่างที่เข้ากับตัวโรคได้อีกโดยที่คุณไม่สามารถสังเกตเห็นได้เองก็ได้ครับ
และไม่ว่าจะใช่โรคไบโพลาร์หรือไม่ทางจิตแพทย์ก็จะมีคำแนะนำหรือการรักษาที่เหมาะสมให้ต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เพิ่มเติมนะคะ..โรคอารมณ์สองขั้วจะมีลักษณะอารมณ์และพฤติกรรมสองสภาวะขึ้นไปอย่างชัดเจน ซึ่งสภาวะของอารมณ์ที่ผิดปกติ จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
1.ระยะแมเนีย จะมีอารมณ์ครึกครื้นรื่นเริงสนุกสนานผิดปกติ หรือ หงุดหงิด โกรธง่ายผิดปกติมีพลังหรือทำกิจกรรมเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน โดยมีอาการในภาวะนี้อย่างน้อย 1สัปดาห์ขึ้นไป และต้องมีอาการดังต่อไปนี้อย่างน้อย 4 ข้อ ได้แก่ คิดว่าตนมีความสำคัญยิ่งใหญ่ ความต้องการนอนลดลง พูดมาก ความคิดแล่นเร็วเปลี่ยนเรื่องไว วอกแวกง่าย มีการร่วมกิจกรรมการสังสรรค์หรือทำงานมากหรือมีพฤติกรรมยั่วยวนทางเพศหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น สำส่อนทางเพศ ใช้จ่ายเงินเก่ง
2.ระยะไฮโปแมเนีย มีอาการเหมือนกับระยะแมเนียแต่อาการจะไม่รุนแรงเท่าระยะแมเนียและมีอาการนานอย่างน้อย 4 วัน
3.ระยะซึมเศร้า คือช่วงที่มีอารมณ์เศร้า โดยมีอาการดังต่อไปนี้อย่างน้อย 5 อาการ และมีอาการนานต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ขึ้นไป ( เศร้าทั้งวัน เบื่อหน่าย น้ำหนักลดเบื่ออาหารหรือทานได้มากขึ้น นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป ทำอะไรช้าลงหรือกระสับกระส่ายมาก รู้สึกไร้ค่า ความสามารถลดลง คิดถึงเรื่องการตายหรือคิดทำร้ายตัวเองซ้ำๆ )
โดยอาการทั้งหมดนี้จะต้องกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบต่อความรับผิดชอบหน้าที่การงาน การเรียน และสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ค่ะ
หากประเมินแล้วเข้าข่ายโรคอารมณ์ 2 ขั้วก็ควรไปพบจิตแพทย์รับการรักษาด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง แต่หากประเมินแล้วไม่เข้าข่ายโรคอารมณ์สองขั้ว ก็อาจเป็นปัญหาทางอารมณ์อื่นๆ ซึ่งก็ควรไปพบจิตแพทย์ให้ประเมินอาการและวางแผนการแก้ไขจะดีที่สุดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กำลังสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคอารมณ์สองขั้วรึป่าวคะ ปรึกษาหมอที่ไหนดีคะ 0853628300
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)