August 25, 2018 15:01
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรักษาโรคมะเร็งในระยะที่ 4 นั้นจะเป็นการรักษาประคับประคองไปตามอาการเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสุขสบายในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิตมากที่สุดครับ
อาการที่เกิดขึ้นในขณะนี้นั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- อาการบวมที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลมาจาก ไตที่ทำงานได้ไม่ดีจากโรคมะเร็ง การขาดสารอาหารทำให้มีโปรตีนในเลือดต่ำ อาการบวมจากการใช้ยาสเตียรอยด์
- อาการซีดเหลืองที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลมาจาก ภาวะโลหิตจางจากตัวโรคมะเร็ง จากไตที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง จากการทำงานของตับที่แย่ลง จากการขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตเม็ดเลือดแดง หรือจากไขกระดูกที่เสื่อมลง
- ไข้ที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อ หรือเป็นไข้ที่เกิดจากโรคมะเร็งเอง
- อาการถ่ายเหลวมีเลือดปนอาจเกิดจากลำไส้อักเสบ แผลในทางเดินอาหาร ริดสีดวง หรือการกระจายของมะเร็งมาที่ทางเดินอาหาร
จะเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการในลักษณะนี้ได้มีความเป็นไปได้หลายอย่างครับ หมอแนะนำให้พาคุณพ่อไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนดูก่อน จะได้ให้การรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสาเหตุที่ตรวจพบ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีค่ะคุณหมอ พ่อดีพ่อหนูเป็นมะเร็งระยะที่ 4จากไต กระจายไปที่ปอด วิธีที่รักษาคือกินยาตามอาการที่เป็น ซึ่งส่วนใหญ่อาการที่เป็นคือจะไอและมีเลือดออก พร้อมกับเป็นตะคริว แต่ช่วงระยะหลังเกือบเข้าปีที่ มีได้รับยาเป็นประเภทสเตรอย ช่วงแรกกินอาการไอก็หายไป หมอก็เลยแนะนำให้หยุดยา พอหยุดยาก็กลับมาไอ แล้วพ่อก็เลยมีกินเองบ้าง แล้วตอนนี้ก็มีอาการผิดปกติของร่างกายเกิดขึ้น คือหน้าบวม ตาปิด ตาแฉะ ไม่อยากอาหาร มือบวม เท้าบวม บริเวณปลายมือและเท้าซีดเหลืองเหมือนไม่มีเลือด ไม่มีแรง มีไข้ หนาว ปวดหัวตลอด และมีเลือดออกเวลาถ่ายเป็นทั้งแบบน้ำและมีออกมาเป็นลิ่มๆ อาการแบบนี้เป็นเพราะโรคหรือมีผลข้างเคียงจากยาค่ะ จะมีวิธีรักษาได้มั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)