October 12, 2018 17:22
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
จากอาการของคนไข้ อาจสงสัยว่าเป็นจากโรค Bipolar ได้ ซึ่ง มักจะมีช่วงอารมณ์ซึมเศร้า สลับกับช่วงที่มีอารมณ์คึกคัก ความคิดแล่นไว พูดเก่ง หงุดหงิดง่ายเมื่อโดนขัดใจ ซึ่งในช่วงนีมักมีอาการติดต่อกันประมาณ1สัปดาห์ครับ
- ไม่ควรซื้อยารับประทานคิดเอง เนื่องจากควรไปพบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคก่อน เพื่อที่จะได้รับการรักษา และยาที่ตรงกับโรค
-โดยแพทย์จะอาศัย การซักประวัติอาการ ความเป็นไปของโรค ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ การใช้ยาและสารต่างๆ หรือโรคประจำตัว เพราะยาบางชนิดหรือโรคทางร่างกายบางโรคอาจมีอาการทางจิตเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้วได้ ฉะนั้นจิตแพทยืจะนำข้อมูลประวัติที่ได้รับจากผู้ป่วย รวมทั้งการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตมาประมวลกันเพื่อการวินิจฉัย ในการหาสาเหตุที่แน่ชัดของโรคครับ
เกรื่นก่อนหนูอายุ 25 ปี อยู่เมืองนอกมาตลอดตั้งแต่อายุ 20 ปี กลับมาอยู่เมืองไทยลองใช้ชีวิตเองตอนอายุ 23 ปี จนกระทั่งปัจจุบัน
ห้วงเวลา 2 ปี หนูเสียเงินเก็บที่หากับการลองใช้ชีวิตคู่และการสร้างเนื้อสร้างตัวไป 6 แสนบาทและยังต้องยืมญาติมาอีก 1 แสน จนปันจุปันคิดว่าชีวิตคงไปไม่ได้แล้ว และตัดสินใจจะกลับไปอยู่างประเทศลำพัง
แต่กังวลกลัวใจตัวเองเพราะรู้สึกไม่สู้ ท้อแท้ เบื่อ อยากบวช อยากไปอยู่วัด เพราะตอนนี้เป็นคนเก็บตัวมากๆ พูดน้อยๆ หรือบางวันม่ได้พูดเลยสักคำ เล่นโทรศัพท์ เล่นคอม อ่านอีเมลล์ เปิดดูสิ่งที่สนใจ หลับ กิน นอน คุยกับคนอื่นก็พิมพ์ไลน์ กลายเป็นคนไม่ชอบคุย ไม่ชอบคอล จนแม่เป็นห่วงอาการ แต่เราก็คิดว่าตัวเรานั้นปกติ แค่อยากอยุ่เงียบๆสักพัก
แต่พอมองย้อนกลับไป หนูอยู่เงียบๆคนเดียวมา 3 เดือนแล้วคะ ช่วง1-2 เดือนแรก ร้องไห้ทุกวัน คิดถึงแมวทุกวัน (แมวที่หาย)ช่วงแยกกับแฟนไม่เศร้าเท่าไหร่ แต่แมวหายรู้สึกสะเทือนใจมากๆ ร้องไห้หนักมาก ร้องไห้อยู่คนเดียว เห็นอาหาร เห็นกรง เห็นเบาะ เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับแมวน้ำตาไหลพรากแบบกลั้นไม่อยู่เลยทุกครั้ง รู้สึกคิดถึงแบบบอกไม่ถูก
เพราะช่วงประมาณ1ปีที่ผ่านมาแฟนหนูต้องย้ายกลับบ้านด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้หนูอยู่กับแมวพูดและคุยกับแมวทุกวัน จนแมวหายไปหนูไม่มีแมวให้พูดคุยเล่นแก้เหงาเลย หนูก็อธิบายไม่ถูก
"รู้แต่ว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากหลังจากที่แมวตัวโปรดหายไป"
เหมือนสูญเสียทุกอย่างมีอะไรก็เสียหมดไม่เหลือเลยอะไรทำนองนี้
จริงๆ อยากบอกว่าที่คุณหมอบอกหนูมีครบคะ(เริ่มกังวล)
"โดยภาวะซึมเศร้าส่วนมากจะมีอาการเด่นๆคือ ทำกิจกรรมที่เคยสนุกแล้วไม่สนุก ไม่มีความสุขกับชีวิต มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย"
เคยรักการปลูกต้นไม้เฝ้าดูต้นไม้ออกดอกทุกวัน ทุกวันนี้ไม่เอาเลยคะ แค่ลดน้ำก็ไม่คิดจะทำ ไม่มีความสุขเลยตลอด 3 เดือนมานี่ เพราะสูญเสียหลายๆอย่างทำให้เบื่อ ไม่คุยกับใครเลยสักคน บางวันเสียงไม่ได้หลุดออกมาจากปากเลยสักคำคะ กิน นอน อ่าน เปิดดูสิ่งที่สนใจ คิดๆๆๆ คิดอะไรไปเรื่อย คิดจะทำนั่นทำนี่ แต่ก็ไม่ลงมือทำสักอย่าง
คิดฆ่าตัวตายคิดว่าไม่คะ แต่เคยมีบางอยากแบบหลับไปเลย แบบไม่ทรมานอะไรแบบนี้
ถ้าหากเป็นโรคประเภทนี้จิงๆ แล้วไม่เข้ารับการรักษา จะมีผลอะไรหนักหนาไหมคะในอนาคต หรือเป็นข้อเสีย แค่ที่ความคิดของเราที่อาจจะบกพร่อง ประเภทเห็นกงจักรเป็นดอกบัวอะไรประมาณนี้เท่านั้นรึป่าวคะ
ตอบโดย
ฉัตรดนัย ศรชัย (นักจิตวิทยาการปรึกษา)
สวัสดีครับ
ขอเพิ่มเติมนะครับ หลังจากที่ผมได้ลองอ่านเรื่องราวที่คุณได้พิมพ์ลงในนี้ (อย่างไรก็ตามขอบคุณนะครับที่กล้าที่จะเล่าเรื่องราวส่วนตัวมาให้อ่าน) จากลักษณะอาการที่เกิดขึ้นที่มีการขึ้น-ลงของอารมณ์ที่เป็นลักษณะค่อนข้างชัดเจนโดยแต่ละช่วงจะทิ้งระยะกันเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะทำให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นว่ามีแนวมโน้มในการเป็นโรค Bipolar Disorder นะครับ ซึ่งผมจะขออธิบายโดยทั่วๆไปเกี่ยวกับผลกระทบของโรค Bipolar สำหรับในกรณีทั่วไปนะครับ
อย่างที่คุณหมอให้ข้อมูลไว้ด้านบนนะครับว่าโรค Bipolar แบ่งเป็น 2 ระยะคือระยะ ซึมเศร้า (Depress) และระยะ ตื่นตัว (Mania) ซึ่งระยะเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่างๆกันโดย
ระยะซึมเศร้า ผู้ที่อยู่ในระยะนี้มักจะไม่มีแรงทำอะไร เหนื่อยง่าย กิจกรรมที่เคยมีความสุขก็ทำแล้วจะไม่มีความสุขเหมือนเดิมดังนั้นในช่วงนี้เราอาจจะขาดการเข้าสังคม หากทำงานก็มักจะทำให้ขาดงานบ่อยขึ้นหรือแม้กระทั่งการดูแลตัวเองก็มักจะทำได้ไม่ดีครับ
ในระยะตื่นตัว ผู้ที่อยู่ในระยะนี้มักจะมีความสุข สนุกสนาน มีแรงในการทำกิจกรรมต่างๆมาก สามารถไม่หลับไม่นอนได้ติดต่อกันนาน โดยหลายๆคนที่เป็นโรคไบโพล่ามักจะรู้สึกชื่นชอบในระยะนี้ เพราะคิดว่าตนเองสามารถทำอะไรได้เยอะ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือการไม่ดูแลสุขภาพของตนเอง และการมีพฤติกรรมยั้งคิด ทำอะไรโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองและบางครั้งอาจรวมไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายหรือแม้กระทั่งการเสพติดสุราหรือใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆ รวมไปถึงขั้นการฆ่าตัวตายเนื่องจากไม่อยากกลับไปสู่ภาวะซึมเศร้าครับ หากสนใจข้อมูลที่ละเอียดขึ้นสามารถเข้าไปอ่านได้ตามบทความด้านล่างที่ผมแนบไว้นี้นะครับ
https://www.honestdocs.co/understanding-bipolar
ดังนั้นจากที่กล่าวมาและภาวะความเสี่ยงที่คุณได้เล่ามาอยากให้คุณได้ลองสละเวลาไปพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อได้รับการประเมินและการช่วยเหลือครับ ในปัจจุบันการบำบัดรักษาโรค bipolar นี้สามารถทำได้ด้วยการรับยาควบคู่ไปกับการรับคำปรึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการคิด พฤติกรรม และ lifestyle ของเราครับ จากเรื่องราวที่คุณเล่ามา ผมคิดว่าคุณกำลังรู้สึกสูญเสียและรู้สึกว่าการเดินต่อไปข้างหน้านั้นมืดมน ซึ่งการได้เข้าพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญตรงนี้อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนที่จะช่วยคุณในการดำเนินชีวิตของคุณต่อไปข้างหน้าได้ครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับในจุดนี้
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เบื้องต้นให้เช็คอาการด้วยการทำแบบประเมินซึมเศร้าด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ โดยในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7 วัน 1 คะแนน
≥7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
5. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
6. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
7. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวผิดหวัง
8. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
9. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
10. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
จากนั้นรวมคะแนน หากได้มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางโรคจะช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับตัวได้มากขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกครั้งนะคะ
ไม่แนะนำให้หาซื้อยามาทานเอง เพราะยาที่ใช้รักษาอาการทางจิตเวชนั้นเป็นยาควบคุมจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวังและใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ยาจะไม่มีขายทั่วๆไปนะคะ
และไม่ควรปล่อยให้อาการเรื้อรัง หรือรุนแรงมากขึ้นเพราะหากอาการถึงขั้นที่รุนแรงการรักษาอาจต้องใช้เวลานานขึ้นและโอกาสที่โรคจะหายนั้นอาจเป็นไปได้ยากขึ้นด้วยเช่นกันนะคะ
ขอบคุณคุณหมอทุกๆท่านที่เข้ามาให้คำปรึกษานะคะ ถ้ามีโอกาสจะหาเวลาเข้าพบแพทย์ให้ได้คะหนูก็ไม่ทราบว่าจะมีที่ไหนบ้างแต่ลองค้นหาข้อมูลแล้วแถว รังสิต-ดอนเมือง มีอยู่แค่คลินิก 1 ที่ แล้วคุณหมอก็มีคิวยาวมากๆ คะ
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่ รพ ใกล้บ้านได้ค่ะ ส่วนมากจะมีพยาบาลจิตเวช หรือจิตแพทย์แล้วแต่ รพ ที่สามารถประเมินอาการของหนูได้ซึ่งหมอว่าจะดีกว่า และประเมินได้แน่ชัดจริงๆว่าหนูเป็นซึมเศร้าหรอไม่คะ ส่วนมากทุกคนหลังเสียของรักจะมีreactionต่อเหตึการณ์แน่นอน แต่จะแตกต่างกันตามพื้นฐานบุคคลค่ะ หมอว่าไปพบแพทย์ที่ รพ ใกล้บ้านเพื่อส่งประเมินนะคะ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจปรึกษาสายด่วยสุขภาพจิต 1323ก่อนได้ค่ะ หากหนูไม่มีที่ระบาย อาจลองโทรไปขอคำปรึกษาและวิธีการจีดการความเครียดเบื้องต้นได้ หมอเป็นกำลังใจให้นะคะ หนุจะต้องก้าวข้ามไปได้แน่นอนค่ะ
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
แถวรังสิต แนะนำ รพ.ธรรมศาสตร์ นะคะ คิวไม่ยาวค่ะ เป็นผู้ป่วย walk in ได้เลยค่ะ ถ้าจะให้ชัวร์ ลองโทรสอบถามวัน เวลา และขั้นตอนการให้บริการก่อนก็ได้นะคะ บางที่อาจมีโทรจองคิวล่วงหน้าค่ะ