สวัสดีค่ะ ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับตกขาวมาเป็นเวลาเกือบปี เนื่องจากดิฉันมีสามีคนแรกเริ่มกินยาคุมครั้งแรกเป็นยาคุมฉุกเฉิน จากนั้นก็กินยาคุมแบบ 28 เม็ด ทุกๆกลางเดือนช่วงยาคุมเม็ด 14-15-16-17 จะมีตกขาววันแรกจะตกสีขาวเหมือนนมบูด วันที่2 เริ่มมีอาการคันนิดๆ และตกขาวจะเยอะขึ้นแต่ยังเป็นสีขาวเหมือนนมบูดอยู่ วันที่ 3 อาการคันจะทรมาน และตกขาวจะมีสีเหลืองออกเขียว แบบเต็มกลางเกงในเลย วันถัดมาจะน้อยลงและหายไป จะเป็นแบบนี้ทุกๆเดือน เคยไปตรวจมะเร็งปากมดลูกหมอบอกเป็นปากมดลุกอักเสบเรื้อรัง แต่ไม่ได้รับยาหรือการรักษาอะไรต่อเลย รบกวนขอคำปรึกษาที่จะช่วยอาการตกขาวได้ทุเราหรือหายไปด้วยคะ ขอบคุณคะ

ปกติ ผู้หญิงสามารถมีตกขาวได้ค่ะ โดยลักษณะของตกขาวปกติ จะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของรอบเดือน
โดยช่วงก่อนไข่ตก (2 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา) จะมีลักษณะเป็นมูกยืดๆ สีใส
หลังไข่ตก จะเปลี่ยนเป็นลักษณะสีขาวคล้ายแป้ง
อย่างไรก็ตาม ตกขาวปกติ จะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบช่องคลอด ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีอาการอื่น เช่น ปวดท้องน้อย หรือเป็นไข้ ร่วมด้วย
ถ้าตกขาวมีอาการผิดไปจากนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมีหลายสาเหตุ จะมีลักษณะตกขาวต่างๆ กับไป เช่น
ตกขาว เหมือนแป้ง เป็นก้อน คล้ายคราบนมเด็ก คันมาก เกิดจากเชื้อรา
ตกขาว สีเหลือง กลิ่นเหม็น ปวดท้อง มีไข้ เกิดจาก อักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
ตกขาวสีขาว เทา กลิ่นคล้ายปลา เกิดจาก ไม่สมดุลย์ของแบคทีเรียในช่องคลอด
ซึ่งการรักษา จะรักษาตามสาเหตุ
เพราะฉะนั้น ถ้ามีลักษณะตกขาวผิดปกติไป ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจภายในค่ะ จะได้รักษาตรงสาเหตุ

จากลักษณะตกขาวของคุณ อาจเกิดจากการติดเชื้อราได้ค่ะ

กรณีที่มีการติดเชื้อราในช่องคลอดบ่อย
คือ เป็นมากกว่า หรือเท่ากับ 4 ครั้ง ใน 1 ปี

แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อรา ไปกิน กันไว้เลยค่ะ โดย จะต้องกินยาต่อเนื่องกัน เป็นเวลา 6 เดือนค่ะ

อื่นๆ ที่อาจช่วยได้ คือปรับการใช้ชีวิตค่ะ
ใส่กางเกงในที่ผ้าโปรงสบาย ไม่อับชื้น
หลังทำความสะอาดอวัยวะเพศ เช็ดให้แห้งทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการกินยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น เพราะยาไปฆ่าแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอด ทำให้เชื้อรา ขึ้นมาแทนค่ะ