July 23, 2018 19:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
อาการดังกล่าวตามที่เล่ามานั้นมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
สาเหตุของโรคซึมเศร้านั้นเกิดจากสารเคมีในสมองทำงานเสียสมดุลไปจากเดิม ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าและความรู้สึกในแง่ลบต่างๆขึ้นมาโดยที่ไม่ตั้งใจ ไม่สามารถควบคุมได้ และมักไม่มีปัจจัยที่มากระตุ้นชัดเจน
อาหารของโรคซึมเศร้านั้นประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องนานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ร่วมกับมีอาการร่วมหลายๆอย่าง ได้แก่
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- ไม่มีสมาธิ
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดโทษตัวเองบ่อยๆหรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
และอาการเหล่านี้จะต้องส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน หรือการทำงานครับ
นอกจากนี้อาจประเมินความเสี่ยงของการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองโดยทำแบบทดสอบ 9Q ตามลิงค์นี้ดูครับ
https://www.dmh.go.th/test/download/files/2Q%209Q%208Q%20(1).pdf
ถ้าทำได้คะแนนตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
เมื่อสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้าแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ดีกว่าครับ โรคซึมเศร้านั้นมีโอกาสหายได้ถ้าได้รับยามาช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมองให้เหมาะสม
การไปพบจิตแพทย์ก็เหมือนกับการไปพบแพทย์เวลาเป็นหวัดไม่สบายครับทเพียงแต่จิตแพทย์จะดูแลอาการทางด้านจิตใจเป็นหลัก
การไปพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และทางทางจิตแพทย์เองก็พร้อมที่จะรับฟังและให้ความช่วยเหลือให้อาการและอารมณ์ต่างๆดีขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
อาการที่เล่ามาข้างต้น มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ซึ่งอาการของ โรคซึมเศร้า มีอาการเหล่านี้ มากกว่า 6 เดือน
1.รู้สึกหดหู่ เศร้า ตลอดเวลา
2.รู้สึกสิ้นหวัง ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองไม่ไหว
3.มองโลกในแง่ร้าย รู้สึกว่าตนไร้ค่า โดดเดี่ยว และมีความรู้สึกผิด
4.ขาดสมาธิในการจดจ่อ จดจำ หรือการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
5.กระสับกระส่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย
6. มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง
อาการเหล่านี้ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ปกติ มีการจมกับความคิดหรือความเศร้า
แนะนำให้พบจิตแพทย์ค่ะ การรักษา ส่วนใหญ่จะใช้ยาต้านเศร้า ร่วมกับทำจิตบำบัด ตัวยาจะช่วยออกฤทธิ์ต่อสมองและระบบประสาทส่วนกลางโดยตรง ช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาทให้เข้าที่
ขอถามเหตุผลที่ไม่กล้าพบจิตแพทย์ได้ไหมคะ การพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยจะเป็นโรคจิต หรือ จิตไม่ปกติเสมอไป ปัจจุบัน มีผู้คนมากมายที่มีความไม่สุขสบายทางใจ มาพบแพทย์ การรักษาแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ และ เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นได้โดยเร็ว
ยังไงก็ตาม แนะนำให้ลองตรวจที่ รพ ที่สะดวก นะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณคุณหมอที่ตอบกันนะคะ
หนูไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง หนูกลัวไปหมดเลย
ไม่รู้จะคุยกับครอบครัวยังไง เหมือนผู้ใหญ่เค้าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับโรคพวกนี้ หนูโดนกดดันหลายๆเรื่อง หนูไม่รู้จะคุยกับเค้ายังไงให้เข้าใจในสิ่งที่หนูรู้สึกอยู่ หนูพึ่ง21เครียดมากค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าต้องการคุยกับผู้ปกครองเพื่อให้พาไปพบแพทย์แนะนำให้บอกเล่าอาการและความรู้สึกไปตามตรงครับ นอกจากนี้ก็อาจอธิบายให้ท่านเข้าใจในประเด็นที่ว่า
- โรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและควบคุมได้ลำบาก ทำให้การรักษาเพื่อปรับสมดุลของสารเคมีในสมองใหม่จึงมีความจำเป็น
- พูดคุยให้ผู้ปกครองเข้าใจเรื่องการไปพบจิตแพทย์ว่าไม่ได้หมายความว่าคนที่ไปพบแพทย์จะเป็นบ้าหรือเป็นโรคจิตเท่านั้น จิตแพทย์นั้นมีหน้าที่ในการดูแลโรคทางจิตใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคกลัวสิ่งของหรือสถานที่บางอย่าง โรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและการปรับตัว ดูแลเรื่องการบำบัดยาเสพติด ฯลฯ
ถ้าอธิบายแล้วท่านยังไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่ยอมพาไปพบจิตแพทย์ ก็ยังสามารถไปพบจิตแพทย์ด้วยตัวเองได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
บางอย่างการที่เราพยายามทำให้คนอื่นเข้าใจตัวเราก็เป็นเรื่องยากนะคะ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการปรับที่ตัวเราเอง โฟกัสที่ตัวเอง จะทำอะไรก็ตามขอให้รู้แค่ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาอย่างไร ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ต้องสนใจ และสิ่งที่เราทำต้องไม่นำพาให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน ปรับวิธีคิดใหม่ รู้ว่ามีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นซึมเศร้าหนูก็ต้องไปพบจิตแพทย์ สามารถไปได้ด้วยตัวเอง หนูมีเรื่องกดดันยังไงก้เล่าให้คุรหมอฟัง เป้นการระบายความเครียดข้างในออกมา นอกจากนั้นหากมีภาวะซึมเศร้าคุรหมอจะให้การรักาาด้วยยาต้านเศร้าร่วมด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
รู้สึกว่าตัวเองเสี่ยงซึมเศร้าค่ะ เป็นแบบนี้มาประมาณ2ปี รู้สึกท้อแท้ หดหู่ น้อยใจตัวเอง ทำร้ายตัวเองบ่อยครั้ง มีความคิดอยากตาย ยิ่งช่วงนี้ อยู่ๆก็ร้องไห้เองบ่อย ทั้งๆที่ไม่มีสาเหตุ หลับยาก หลับก็สะดุ้งตื่น รู้สึกเหนื่อยกับทุกวัน รู้สึกว่าใช้ชีวิตยากขึ้นทุกวันเรื่อยๆ ควรทำไงดีคะ มันรู้สึกเหนื่อยล้ากับทุกอย่าง ไม่กล้าไปหาจิตแพทย์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)