March 17, 2019 02:33
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
วันนัดฉีดยาคุมครั้งล่าสุดคือวันที่เท่าไหร่คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
17 มีนาคม 2562 ค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ผู้ถามจำวันนัดไม่ผิดใช่มั้ยคะ เพราะโดยปกติ การฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน จะมีการนัดฉีดซ้ำทุก 12 สัปดาห์ค่ะ ดังนั้น หากฉีดครั้งล่าสุดวันที่ 5 มกราคม ก็ควรนัดฉีดซ้ำในวันที่ 30 มีนาคมนะคะ (แม้ว่าผู้นัดอาจมีการเลื่อนนัดให้เร็วขึ้นได้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะมีการเลื่อนให้เร็วขึ้นถึง 2 สัปดาห์ค่ะ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าใบนัดหายเลยไม่แน่ใจ . ถ้ากินยาคุมวันที่ 16 มีนาคมจะเป็นอะไรไหมค่ะ
หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าใบนัดหายเลยไม่แน่ใจ . ถ้ากินยาคุมวันที่ 16 มีนาคมจะเป็นอะไรไหมค่ะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
..
..
หากผู้ถามใช้ยาฉีดคุมกำเนิดแบบ 3 เดือน ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO 2016) จะแนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 12 สัปดาห์ค่ะ โดยอาจมีการเลื่อนวันนัดฉีดยาให้เร็วขึ้นหรือช้าออกไปได้หากจำเป็น ซึ่งในกรณีที่จะเลื่อนนัดให้เร็วขึ้น แนะนำให้เลื่อนเร็วจากปกติไม่เกิน 2 สัปดาห์ ซึ่งก็คือให้ฉีดยาซ้ำเร็วสุดห่างจากวันที่ฉีดยาครั้งล่าสุดอย่างน้อย 10 สัปดาห์นะคะ โดยประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่ได้เพิ่มขึ้นไปจากเดิมเมื่อเทียบกับการฉีดตรงตามนัดปกติ แต่อาจเพิ่มผลข้างเคียงจากยาให้มากขึ้นค่ะ
..
..
หากพิจารณาตามแนวทางนี้ เมื่อผู้ถามต้องการเปลี่ยนจากยาฉีดคุมกำเนิดเป็นยาเม็ดคุมกำเนิด วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้เริ่มรับประทานยาคุมในวันที่ครบกำหนดฉีดยาตามนัดนะคะ เพราะจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันได้เลย และไม่ทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยามากเกินไปค่ะ ดังนั้น ถ้าผู้ถามไม่ได้จำวันผิด นั่นคือ มีการฉีดยาคุมเข็มล่าสุดในวันที่ 5 มกราคมจริง ๆ หากยังไม่ได้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิด หรือเริ่มใช้ไปแค่เม็ดเดียว แนะนำให้รอเริ่มรับประทานในวันที่ 30 มีนาคมนะคะ ..
..
แต่ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าฉีดยาวันที่เท่าไหร่กันแน่ และคุ้นว่าจะมีการนัดฉีดวันที่ 17 มีนาคม ก็เป็นไปได้ว่าผู้ถามอาจจำวันที่ฉีดยาเข็มสุดท้ายผิด หรืออาจจำวันนัดฉีดยาผิดก็ได้ ทางใดทางหนึ่งหรือทั้งสองทาง แต่เนื่องจากสามารถเริ่มรับประทานยาคุมได้เร็วสุด 10 สัปดาห์จากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้าย (ตามแนวทางของการฉีดยาคุมก่อนนัด) การเริ่มรับประทานยาคุมในวันที่ 16 มีนาคมจึงสามารถทำได้ค่ะ และถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้เลย แต่ผลข้างเคียงจากยาอาจมากกว่าการเริ่มใช้ตามนัดที่ 12 สัปดาห์นะคะ เพราะจะยังมีผลข้างเคียงจากยาฉีด และมีผลข้างเคียงจากยาเม็ดร่วมด้วย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คุณหมอค่ะ กำหนดฉีดอีกวันที่ 30 มีนาคม แต่หนูกินยาคุมแบบเม็ดแล้ววันที่ 16 มีนาคม กินแค่เม็ดแรก ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ แต่วันที่ 30 กินเม็ดที่2ต่อหรือว่าเริ่มแผงใหม่ค้ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เพื่อให้ง่ายต่อการแนะนำโดยละเอียด ขอทราบชื่อยี่ห้อยาคุมที่ใช้ และรูปแบบว่าเป็นยาคุม 21 เม็ด หรือ 28 เม็ดด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ชื่อยาคุม ซูซี่ แบบ 28 เม็ดคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
..
..
ผู้ถามมี 2 ทางเลือกที่ทำได้นะคะ ทางเลือกแรกก็คือรับประทาน "ซูซี่ 28" ต่อไปเลยตามปกติ ก็สามารถทำได้ แต่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่ได้มากไปกว่าการรอรับประทานตามกำหนดฉีดยาคุม และมีข้อเสียคือจะทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยามากโดยไม่จำเป็น เพราะจะได้รับจากทั้งยาฉีดและยาเม็ดค่ะ
..
..
ดังนั้น ทางเลือกที่น่าจะดีกว่าก็คือ ให้หยุดรับประทานยาคุมไปก่อนนะคะ แล้วรอเริ่มรับประทานต่อในวันที่ 30 มีนาคม โดยสามารถใช้แผงเดิมที่เหลืออยู่ 27 เม็ดได้เลยค่ะ (โดยใช้ตามลำดับจากเม็ดที่ 2 ไปหาเม็ดที่ 28) และเมื่อหมดแผงแล้วก็ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มเพื่อทดแทนยาที่รับประทานไปก่อนแล้ว 1 เม็ดในวันที่ผ่านมานะคะ ในช่วงนี้ที่ไม่ได้รับประทานยาคุมต่อก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะยังมีผลคุมกำเนิดจากยาฉีดอยู่ตามปกตินั่นเอง
..
..
แต่ผู้ถามควรทราบว่า ยาฉีดคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดนะคะ นั่นคือ ผู้ใช้ยาฉีดคุมกำเนิดมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% หรือความเสี่ยงค่อนไปทางต่ำ คือ 0.2% หากไปฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ ในขณะที่ผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% และความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% หากรับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
..
..
การที่ยาเม็ดคุมกำเนิดต้องการมีบริหารยาทุกวัน (รับประทานทุกวัน) ดังนั้น โอกาสที่จะลืมรับประทานจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการใช้ยาคุมชนิดฉีด และเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวได้มากกว่านะคะ ดังนั้น หากผู้ถามไม่มั่นใจว่าจะใช้ยาเม็ดได้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ และยังไม่มีแผนจะมีบุตรใน 1 ปีข้างหน้า การฉีดยาคุมต่อตามนัดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณทุกๆคำตอบมากๆเลยคะคุณหมอ 🙏
แล้วแบบไหนที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้มากที่สุดค้ะ และแบบไหนที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากที่สุด
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ผู้ที่ฉีดยาคุมกำเนิด มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% ค่ะ ในขณะที่ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% จะเห็นได้ว่าความเสี่ยงในภาพรวมที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์จากยาฉีดมีน้อยกว่ายาเม็ดรับประทานนะคะ
..
..
อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามมั่นใจว่าจะรับประทานยาคุมได้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ประสิทธิภาพสูงสุดของยาก็ไม่แตกต่างกันมากค่ะ นั่นคือ มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3% จากการใช้ยาคุมชนิดเม็ด เทียบกับ 0.2% จากการฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ
..
..
จึงต้องพิจารณาว่าผู้ถามมีแนวโน้มที่จะรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ เช่น หากเป็นคนที่ขี้ลืม ก็มีความเสี่ยงที่จะลืมรับประทานยาและล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น การฉีดยาคุมจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ แต่ถ้ามั่นใจว่าจะรับประทานยาคุมได้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะประสิทธิภาพสูงสุดของทั้ง 2 วิธีนี้ไม่ได้ต่างกันมาก
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณค่าาา 🙏
ขอสอบถามหน่อยค่า ทำไมเป้นเมนแค่เฉพาะตอนกลางคืนส่วนตอนกลางวันทำไมไม่เป่นอะค่ะ เป่นสองวันวันนี้และคะ
ถ้าเราฉีดยาคุมวันที่ 5 มกราคม 2562 แต่อยากเปลี่ยนมากินยาคุมแบบเม็ด วันที่ 16 มีนาคม 2562 สามารถกินได้เลยไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)