สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากสอบถามเกี่ยวกับอาการตกขาวที่ผิดปกติของดิฉัน ประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน ดิฉันมีเพศสัมพันธ์กับแฟน และหลั่งใน ซึ่งปกติไม่ค่อยหลังในเพราะใส่ถุงตลอด หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน ก็ตกขาว เป็นน้ำใสๆ ไม่เหลวไม่ข้น มีลักษณะเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่น มีอาการคันบริเวณช่องคลอด ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการตกขาวธรรมดา อีก 2 วัน ต่อมาก็มีอาการตกขาวเป็นสีเขียวอ่อนๆ มีลักษณะคล้ายแป้งเปียกๆ ไม่มีกลิ่น ไม่คัน ติดกางเกงใน เป็นจำนวนมาก แล้วดิฉันลองล้วงเข้าไป ก็มีสิ่งหนึ่งคล้ายแป้งเปียกและมีสีเขียวอ่อนๆ ติดนิ้วมาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นอีกประมาณ อาทิตย์กว่าๆ ก็มีอาการตกขาวสีเหลืองขุ่นเหลว มีกลิ่นคาว และมีอาการคันเป็นบางช่วง อยากทราบถึงสาเหตุที่ทำให้เิกิดอาการนี้ และอยากทราบว่าอาการแบบนี้ต้องรักษายังไง มีวิธีรักษายังไง และมีอาการเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรงมั้ย ขอบคุณค่ะ

ปกติ ผู้หญิงสามารถมีตกขาวได้ค่ะ โดยลักษณะของตกขาวปกติ จะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของรอบเดือน
โดยช่วงก่อนไข่ตก (2 สัปดาห์ก่อนประจำเดือนมา) จะมีลักษณะเป็นมูกยืดๆ สีใส
หลังไข่ตก จะเปลี่ยนเป็นลักษณะสีขาวคล้ายแป้ง
อย่างไรก็ตาม ตกขาวปกติ จะไม่ทำให้มีอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบช่องคลอด ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่มีอาการอื่น เช่น ปวดท้องน้อย หรือเป็นไข้ ร่วมด้วย
ถ้าตกขาวมีอาการผิดไปจากนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งมีหลายสาเหตุ จะมีลักษณะตกขาวต่างๆ กับไป เช่น
ตกขาว เหมือนแป้ง เป็นก้อน คล้ายคราบนมเด็ก คันมาก เกิดจากเชื้อรา
ตกขาว สีเหลือง กลิ่นเหม็น ปวดท้อง มีไข้ เกิดจาก อักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
ตกขาวสีขาว เทา กลิ่นคล้ายปลา เกิดจาก ไม่สมดุลย์ของแบคทีเรียในช่องคลอด
ซึ่งการรักษา จะรักษาตามสาเหตุ
เพราะฉะนั้น กรณีของคุณ ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจภายในค่ะ จะได้วินิจฉัยและรักษาตรงสาเหตุ นอกจากนี้ ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรตรวจภายใน คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สม่ำเสมอ ทุก 1-2 ปี อยู่แล้วค่ะ ไปตรวจภายในดูนะคะ