June 11, 2019 21:19
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอไม่ทราบว่าคุณเจอกับเรื่องอะไรมานะครับ แต่การที่คุณเริ่มมีความทุกข์ใจ รู้สึกซึมลง เศร้าลง มีปัญหาการกิน การนอนตามมา จนบางครั้งก็ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต การเรียน หรือการทำงานนั้นอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรลองไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ลองแล้วค่ะ ได้ 18 ลองก่อนมาตั้งคำถามใน honestdocs ปัญหาที่เจอมันถึงขั้นทำร้ายตัวเองเลยค่ะ เป็นเรื่องครอบครัว ร้องไห้ติดต่อกัน 2 อาทิตย์กว่า เศร้าตั้งแต่ต้นเดือนเมษา จนมาวันที่ 17 กว่าๆอาการเริ่มดีขึ้น หายเศร้ามาบ้าง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดคิด
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าเช่นนั้นก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้สูงครับ และการไปพบจิตแพทย์ก็จะมีประโยชน์ต่อตัวคุณในกรณีนี้
นอกจากทางจิตแพทย์จะช่วยประเมินอาการแล้ว คุณยังสามารถระบายความเครียดและปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทางจิตแพทย์ช่วยรับฟังได้ การได้ระบายสิ่งที่เครียดออกมาเป็นคำพูดนั้นก็จะช่วยให้ความทุกข์ในใจผ่อนคลายลงได้บ้าง และทางจิตแพทย์เองก็จะช่วยให้คุณสามารถปรับตัวกับเรื่องเหล่านี้ได้ในที่สุดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
การที่เราต้องเจอกับปัญหาต่างๆในชีวิต แล้วไม่สามารถปรับตัวกับปัญหานั้นได้ หรือ มีการใช้กลไกทางจิตแบบเก็บกดซึ่งเป็นการจัดการปัญหาที่ไม่เหมาะสม มีโอกาสที่จะนำไปสู่ปัญหาทางด้านสุขภาพจิตได้ค่ะ โดยเฉพาะอาการของโรคเครียด ,ซึมเศร้า เป็นต้น
ในกรณีที่หนูลองทำแบบประเมินซึมเศร้ามาแล้ว และมีอาการนานเกิน 2 สัปดาห์ ถือว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้สูง
ในกรณีนี้แนะนำพบจิตแพทยื ประเมินอาการอีกครั้ง วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดีคือการรักษาด้วยยาร่วมกับการทำจิตบำบัด ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้เราควบคุมความคิด การรับรู้ การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมได้เหมาะสม และการทำจิตบำบัดจะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจช่วยให้ปรับตัวกับปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
ในระหว่างทำการรักษา การดูแลตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการทานยาอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย ผ่อนคลายความเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การหากิจกรรมที่ชอบทำ การไปพักผ่อนหย่อนใจ การพูดคุยระบายความรู้สึกออกมากับคนที่ไว้วางใจ เป็นต้น ควรงดเว้นจากสารเสพติดทุกชนิด ต้องไปพบแพทยืตามนัดทุกครั้ง และไม่ควรหยุดยาเองเด็ดขาดเพราะจะทำให้โรคกลับเป็นซ้ำและรักษาได้ยากขึ้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ขอเพิ่มเติมนะครับ เพราะผมคิดว่าในปัญหาที่หนูกำลังเจอเป็นปัญหาที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะทำให้ความมั่นใจในตัวเองลดลง ซึ่งมันจะไปส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆอีกเช่น การเรียน หรือการทำงานพาร์ทไทม์ ซึ่งตรงนี้การที่แนะนำว่าให้ไปพบกับผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เป็นการบอกว่าสิ่งที่หนูเป็นตอนนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีนะครับ แต่ว่าหากไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม อาจจะส่งผลในทางลบกับตัวหนูเองในอนาคตได้มากกว่า
การพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยทำให้หนูได้เรียนรู้ในการปรับตัว และได้ลองพูดคุยในเรื่องปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ประเมินผลกระทบ และตกผลึก ตีความเหตุการณ์เหล่านั้นใหม่ เพื่อให้หนูสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาตรงนี้ไปได้ ข้อพิสูจน์ก็คือถึงแม้ว่าหนูจะกำลังมีปัญหาครอบครัว เจอเรื่องหนักๆที่กระทบเข้ามาแต่ก็ยังคิดที่จะทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงเวลาปิดเทอม ซึ่งตรงนี้ขอชื่นชมนะครับและมันทำให้ผมเห็นได้ถึงความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองได้ครับ
หากมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ลองดูสิทธิประกันสุขภาพตามลิ้งค์ด้านล่างนี้นะครับ
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml
หากว่าชื่อตนเองอยู่ที่โรงพยาบาลอะไรด้วยสิทธิอะไรก็สามารถไปรับการรักษาตามคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีสิทธิอยู่ได้ หากคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เรามีชื่ออยู่ไม่มีจิตแพทย์ เขาก็จะสามารถทำใบส่งตัว ส่งให้เราไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่เหมาะสมได้ครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ หนูสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความตึงเครียดในตัวหนูลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะเป็นการช่วยให้หนูสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้หนูผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปให้ได้ หรือหากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หนูอายุ 18 ค่ะ เจอปัญหาในชีวิตตอนเดือนเมษา มันเป็นปัญหาที่หนักใจมากพอสมควร จากที่เคยยิ้มแย้มเเจ่มใส จนวันนี้ยังมีความสุขแบบเดิมไม่ได้ พอมาเดือนพฤษภาก็เจอกับปัญหาทางการเงินของครอบครัวในเรื่องของการเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิมคืออยากทำอะไรก็ทำ เหมือนเก็บกด อยากไปไหนไป ชอบโกหก เพราะกลัวที่จะบอกความจริง และการออกความเห็นให้พ่อแม่ฟัง ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เวลามองคนอื่นที่มีชีวิตดีๆมันรู้สึกอิจฉานิดๆ แต่สักพักก็เลิกคิด นอนไม่ค่อยหลับค่ะ บางครั้งก็หิวมาก และกินเยอะกว่าปกติ และบางครั้งก็ไม่รู้สึกหิวเลย ชอบไปไหนคนเดียว หนูรู้สึกว่าอยากให้ทุกคนพูดดีๆด้วย เวลามีคำพูดที่ใจหนูมันคิดว่ามันแรง หนูจะรู้สึกเศร้าแปลกๆ แล้วก็สวนกลับไปว่า ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย ช่วงรอมหาวิทยาลัยเปิดเทอมนี้ก็ทำงานพาร์ตไทม์ค่ะ เป็นงานบริการ ต้องพบเจอลูกค้า พูดคุยกับลูกค้า รู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิ พูดไม่รู้เรื่องจนโดนลูกค้าวีนมาหลายคนแล้ว เหมือนขาดความมั่นใจในตัวเอง บางทีก็สนุกมากกับการทำงาน แต่กลับบ้านมาเหมือนตัวเองเปิดโหมดซึมๆทันที แค่ระหว่างกำลังกลับ ก็เริ่มซึมไปทีละนิด จนจะนอน นอนดึกค่ะ บางครั้ง ตี 2 ตี 3 มันรู้สึกอึดอัดอะไรในใจ อธิบายให้คนใกล้ตัวฟังไม่ได้ กลัวเค้าจะว่าเราอยากเป็นเอง ไม่ชอบอธิบายให้คนใกล้ตัวเข้าใจ เวลาซึมๆชอบอยู่คนเดียวมาก ไม่อยากพบปะ สนทนา หรือแชทอะไรกับใคร ชอบส่งความรู้สึกไปทางไอจีสตอรี่มากกว่า หนูไม่รู้ต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองช็อคกับเรื่องที่เจอตอนเดือนเมษารึเปล่า จนมันส่งผลหลายๆอย่าง ให้มันเป็นความรู้สึกอึดอัดจนมาถึงปัจจุบันนี้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)