ไปตรวจมะเร็งปากมดลูกกับตรวจหาเชื้อHPVที่มีความเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกผลตรวจปรกติทั้ง2อย่าง แต่เคยเป็นหูดก่อนหน้าที่จะตรวจน่ะค่ะเลยยังงงๆกับผลตรวจค่ะส่งไป2คำถามแล้วค่ะพร้อมกับแนบเอกสารตรวจไปด้วยค่ะทั้ง2คำถาม

สำหรับเชื้อ HPV หรือ human papilloma virus นั้นเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคได้ เช่น โรคหูด และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือโรคมะเร็งปากมดลูกครับ แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับเชื้อก่อโรคในไวรัสกลุ่มนี้ครับ เนื่องจากเป็นเชื้อที่มีหลายสายพันธ์ จึงมีการแยกกันละหว่าสายพันธ์ที่ก่อให้เกิดโรคหูด มักจะเป็นอีกกลุ่มนึงซึ่งเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำครับ โดยเชื้อก่อโรคจะเป็น HPV type 6, 11, 40, 42, 43, 44, 53, 54, 61, 72, 73 และ 81 ครับ ซึ่งที่พบบ่อยมากกว่า 90 เปอร์เซ็นคือ hpv type 6 และ 11 ครับ ดังนั้นจะเห็นว่า ที่คุณไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร่วมกับการตรวจหาเชื้อhpvที่มีความเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น ไม่ได้ตรวจ hpv สายพันธ์ดังกล่าวครับ จึงรายงานผลว่าปกติ นั่นเองครับ

ต้องแยกประเด็นที่เคยเป็นโรคหูดออกไปก่อนนะครับ ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับโรคหูด โดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในแบบที่ตรวจนี้เป็นการตรวจที่มีประสิทธิภาพสูงครับ ซึ่งการตรวจจะแบ่งเป็น 2 อย่าง คือตรวจทางเซลล์วิทยา และการตรวจหาเชื้อไวรัส hpv กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง สัมพันธ์กับมะเร็งปากมดลูก ดังที่ได้แจ้งไปข้างต้น ในกรณีที่ผลตรวจพบว่าไม่พบความผิดปกติ ในเซลล์วิทยา และไม่พบการติดเชื้อ hpv ความเสี่ยงสูง ค่อนข้างสบายใจได้เลยครับว่ายังไม่เป็นโรคมะเร็ง และแนะนำว่าควรตรวจคัดกรองตามที่แพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปคืออย่างน้อยทุก 3 ปีในกรณีตรวจคัดกรองแบบนี้นะครับ

การสวมถุงยางอนามัยช่วยในเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต่างๆก็จริงครับ โดยเฉพาะ เชื้อไวรัส HIV เชื้อซิฟิลิส เชื้อไวรัสตับอักเสบ แต่สำหรับเชื้อไวรัส HPV ที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ไม่สามารถป้องกันได้จากการสวมถุงยางอนามัยครับ แต่สามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV นี้ ซึ่งหากผลการตรวจที่ผ่านมาพบว่ายังไม่เคยติดเชื้อ กลุ่มไวรัสความเสี่ยงสูง การฉีดวัคซีนถือว่ามีประโยชน์อยู่ครับ โดยที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีอยู่ 2 แบบ คือแบบ 2 สายพันธ์ และ 4 สายพันธุ์ โดยจะป้องกันตัวที่พบได้บ่อย เช่น สายพันธุ์ 16 และ 18 ครับ ส่วนแบบ 4 สายพันธุ์จะครอบคลุมตัว สายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ก่อโรคหูดครับ

การฉีดวัคซีนยังมีประโยชน์อยู่ และยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกอยู่นะครับ เพราะว่าเป็นคนละสายพันธุ์กัน อย่างที่กล่าวไปข้างต้นครับ หากต้องการฉีด ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนอีกทีก็ได้ครับ