ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีล่าสุดวันที่ 3 สิงหาค่ะ หลังจากนั้นประมาณวันที่ 23 มีอะไรกับแฟนค่ะ แต่ไม่มีการสอดใส่ แค่ถูๆค่ะ และอีกครั้งวันที่ 26 แต่ครั้งนี้ได้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมารับประทานในวันนั้นทันที จนตอนนี้วันที่ 1 กันยา มีเลือดออกเล็กน้อยค่ะ มีอาการปวดท้องน้อย กับปวดหลังนิดหน่อยค่ะ อยากทราบว่าเป็นผลข้างเคียงหรือเลือกปจด.แล้วจะมีโอกาสตั้งครรภ์มั้ยคะ

สวัสดีค่ะ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-20% ค่ะ
การกินยาคุมฉุกเฉิน มีผลทำให้เลือดออกกระปิดกระปอยได้เล็กน้อยค่ะ
หากประจำเดือนรอบเดือน กย มาปกติ คือ จำนวน 3-7 วัน ปริมาณปกติคือใช้ผ้าอนามัย 1-3 แผ่นต่อวัน ก็จะแสดงว่าไม่ตั้งครรภ์ค่ะ
แต่หากประจำเดือนไม่มา ลองซื้อเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ดูนะคะ จะแปลผลได้เมื่อมีการปฏิสนธิ 14 วันค่ะ
หากมีอาการปวดท้องน้อยมาก เลือดออกมากผิดปกติ ตกขาวผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์ที่ รพ ค่ะ

ถ้าไม่มีการสอดใส่ใด ๆ เลย ก็ไม่น่าจะมีการตั้งครรภ์ค่ะ ไม่ว่าจะรับประทานยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ก็ตาม

แต่หากมีการสอดใส่ ไม่ว่าจะมาก จะน้อย จะนาน จะไม่นาน ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากไม่ทราบว่าการที่ประจำเดือนไม่ปกตินั้นเกิดจากสาเหตุใด จะยังมีไข่ตกหรือไม่ และไข่จะตกในวันใด ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ที่การสอดใส่ซึ่งมีโอกาสที่อสุจิจะเข้าไปในช่องคลอดได้ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติค่ะ

หากคิดตามตัวเลขเฉลี่ยของผู้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดใด ๆ ก็คือ จะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 85% ซึ่งการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน อาจลดความเสี่ยงลงมาบ้าง ให้มีโอกาสตั้งครรภ์เป็น 15 - 25%

ผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินบางรายอาจมีเลือดกะปริบกะปรอยออกมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยาได้ค่ะ จึงต้องดูต่อไปก่อนว่าเลือดนั้นจะออกมามากขึ้น และมาต่อเนื่องหลายวันเหมือนเวลาเป็นประจำเดือนหรือไม่ ถ้าเป็นประจำเดือนก็คือไม่มีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าเป็นเพียงหยดเลือดกะปริบกะปรอยจากยาคุม ก็ต้องรอดูประจำเดือนค่ะ จึงจะมั่นใจว่าไม่ตั้งครรภ์ (ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่)

แต่แนะนำว่าต่อไปหากจะมีเพศสัมพันธ์ ให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมใช้เผื่อว่าจะมีการสอดใส่ เพราะถ้าใช้ถุงยางได้ถูกต้องและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% แต่ถ้าถุงยางรั่วซึมหรือฉีกขาด จึงค่อยรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองค่ะ

หากหลั่งน้ำอสุจิภายในช่องคลอดแล้ว มีโอกาสที่เชื้ออสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ได้เลยค่ะ
กรณีมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 ครั้ง การล้างอวัยวะภายนอก อาจช่วยลดโอกาสของการมีอสุจิค้างอยู่ภายนอก
และหากฝ่ายชายปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ก็จะช่วยลดการมีน้ำอสุจิที่ค้างอยู่ได้ค่ะ

สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์อาจยังไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนค่ะ แต่หากผ่านไป ในช่วงไตรมาสแรก
อาการของการตั้งครรภ์ ที่มีได้คือ
1. ประจำเดือนไม่มาตามรอบนั้นๆ
2. มีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม ใน 2-3 เดือนของการตั้งครรภ์คือบริลานนมกว้างขึ้น สีคล้ำขึ้น
3. อาการของการแพ้ท้องที่เป็นผลจากฮอร์โมน ได้แก่ การคลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย