February 26, 2019 09:35
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. นับจาก 14 มกราคม มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่บ้างคะ และป้องอย่างไร
2. ตรวจการตั้งครรภ์ในวันที่เท่าไหร่ เวลาใดคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีเพศสัมพันธ์แบบปล่อยนอกคะแต่กินยาคุมนะคะ เพิ่งหยุดกินยาคุมวันที่16-17กุมภานี้ละคะ กลัวว่าท้องแล้วจะมีผลกระทบนะคะ เพิ่งตรวจท้อง23กุมภาแต่ขึ้น1ขีด
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ใช้ยาคุมยี่ห้ออะไรคะ เริ่มรับประทานวันที่เท่าไหร่
2. รับประทานต่อเนื่องกันทุกวันหรือเปล่าคะ ลืมรับประทานบ้างหรือไม่ อย่างไร
3. นับจาก 14 มกราคม มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์ในวันที่เท่าไหร่บ้างคะ
4. ตรวจการตั้งครรภ์ในเวลากี่โมงของวันที่ 23 กุมภาพันธ์คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
1กินของอาร์เดน โรงพยาบาลให้มาคะเริ่มกินหลังเอาเข็มออกเลยคะเพราะก่อนเอาเข็มออกเป็นประจำเดือนแล้ว 2กินทุกวันแต่มี2-3ครั้งลืมกินคะแต่ก็กินวันต่อมานะคะ2เม็ดของวันที่ลืมกินและของวันที่ต้องกินคะ 3จำได้ว่าเดือนมกรามีเพศสัมพัธ์แบบปล่อยนอก2-3ครั้งคะ เพราะทุดครั้งจะสวมถุงยางด้วยคะ 4ตรวจตอนเช้าหลังตื่นนอนคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
หากผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกหลังถอดยาฝังคุมกำเนิดออกเลย ซึ่งก็คือในวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกัน จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% แต่ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลนะคะ
เมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกในวันอังคารที่ 18 ธันวาคม ก็ควรจะต้องต่อยาคุมอาร์เดนแผงใหม่ในวันอังคารที่ 15 มกราคม โดยประจำเดือนควรจะมาในระหว่างวันที่ 8 - 14 มกราคมค่ะ
ซึ่งในกรณีของผู้ถามก็มีประจำเดือนมาในวันที่ 14 มกราคมนั่นเอง และเมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ
การใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมาค่ะ ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มอีก นั่นหมายถึง ผู้ถามจะต้องต่อยาคุมแผงที่ 2 ในวันอังคารที่ 15 มกราคมนะคะ หากต่อได้ถูกต้องตามนี้ก็จะมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันเลยค่ะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ
และหากเป็นไปตามที่กล่าวมา ผู้ถามก็จะได้รับประทานยาคุมเม็ดสุดท้ายของแผงที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์นะคะ ซึ่งควรจะมีประจำเดือนมาในระหว่างวันที่ 5 - 11 กุมภาพันธ์นั่นเองค่ะ
แต่การที่ผู้ถามให้ข้อมูลว่า หยุดยาคุมวันที่ 16 - 17 กุมภาพันธ์ ทำให้สงสัยว่าน่าจะมีการต่อยาคุมแผงที่สองไม่ถูกต้อง ซึ่งเสี่ยงที่จะมีการตั้งครรภ์ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนค่ะ
ซึ่งหากต่อยาคุมไม่ถูกต้องจริง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ความเสี่ยงจะน้อยค่ะ คือมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% แต่ถ้าใช้การหลั่งนอก จะมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% นะคะ
และเมื่อผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งของอาร์เดน ก็น่าสงสัยว่าอาจมีการตั้งครรภ์ค่ะ จึงควรต้องมีการตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าหลังตื่นนอนก่อนที่จะต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ
การตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ หากทำได้ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแผงที่สอง (ในกรณีที่ต่อยาคุมไม่ถูกต้อง) ไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์ค่ะ
แต่ถ้าใช้ชุดทดสอบไม่ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก แนะนำให้ตรวจซ้ำเพื่อยืนยันผลให้ชัดเจนนะคะ
และเมื่อผู้ถามไม่ได้ต่อยาคุมแผงที่ 3 ก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องจากยาคุมที่เคยใช้แล้วค่ะ ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไม่ได้ใช้ยาคุมต่อ แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์และรอดูไปก่อน หากประจำเดือนยังไม่มา ให้ตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ถ้าใช้ชุดทดสอบถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสม คือในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ
และหากผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เดือนแรกที่กินยาคุม ประจำเดือนมาปกติ พอเดือนที่2ประจำเดือนไม่มาเลยหยุดกินยาคุม แล้วมีเพศสัมพันธ์แบบปล่อยนอก สามารถท้องได้ไหมคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อหยุดรับประทานยาคุมก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องนะคะ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงค่ะ
โดยการ "หลั่งนอก" มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 22% เมื่อเทียบกับการหลั่งในตามปกติที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ก็อาจดูว่าเสี่ยงน้อยกว่ามาก
แต่ถ้าเทียบกับการใช้ยาคุมรายเดือนที่ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3% ก็จะเห็นได้ว่าการหลั่งนอกมีความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ได้มากกว่าการใช้ยาคุมรายเดือนหลายเท่า
ดังนั้น หากไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
และหากไม่ได้คุมกำเนิดอยู่ ถ้าไม่พร้อมจะมีบุตร ควรใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะถ้าใช้ถูกต้องและรั่วซึม/ฉีกขาด/เลื่อนหลุด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งแม้ไม่ดีเท่ากับยาคุมรายเดือน แต่ก็เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์น้อยกว่าการหลั่งนอกหลายเท่าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เดือนนี้ประจำเดือนมาเเล้ววันที่9-13คะแต่พอมาวันที่23-24เหมือนตกขาวแต่เป็นสีน้ำตาลออกมาคะแต่ไม่เยอะวันที่25ก็เหมือนตกขาวแต่สีน้ำตาลออกมาเยอะแล้วก็เจ็บตรงท้องน้อยเจ็บแปบๆพอเช้าวันที่26มีเลือดออกมาเหมือนเป็นประจำเดือนแต่ก็เจ็บท้องเหมือนเดิมเจ็บไม่มากเจ็บแปบๆพอมาก็ซื้อผ้าอนามัยมาใส่ตอนสายๆก็เปลี่ยนผ้าอนามัยแผ่นที่2ต่อมาจะเปลี่ยนแผ่นผ้าอนามัยครั้งที่3เลือดก็ไม่มีแล้วคะสรุปเลือดออกแต่ครึ่งวัน
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
หากเลือดที่ออกมา 9 - 13 เป็นประจำเดือนจริง ๆ ก็ไม่ควรจะมีประจำเดือนอีกในช่วงปลายเดือนนะคะ อย่างไรก็ตาม หากตอนนี้ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แล้ว อาจรอดูไปก่อนก็ได้ค่ะ ................................................................................................................................................................................................................................ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด, หรือปวดท้องรุนแรง หรือมีประจำเดือนมาผิดปกติเช่นนี้อีก ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ ................................................................................................................................................................................................................................ แต่ถ้ากังวลเรื่องการตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าเลือดดังกล่าวเป็นประจำเดือนหรือไม่ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ช่วงนี้มีอาการปวดหัวบ่อยๆ เวียนหัวบ่อยๆ ไม่ค่อยหิวข้าว เบื่ออาหารคะ
คือว่าหนูเจ็บท้องน้อยช่วงเชิงกรานนะคะ
ถอดเข็มยาคุมออก18ธันวาคม14มกราคมประจำเดือนก็มา4-5วันพอมาเดือนกุมภาพันธ์ประจำเดือนก็ไม่มา ตรวจท้องแล้วนะคะขึ้น1ขีดคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)