August 12, 2019 11:52
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
สาเหตุของอาการปวดศีรษะนั้นมีได้จากหลายอย่างครับ เช่น
- อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อบีบเกร็ง อาการปวดมักมีลักษณะปวดบีบที่ศีรษะ 2 ข้าง อาการปวดมักสัมพันธ์กับความเครียดหรือการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
- ไมเกรน อาการปวดศีรษะมักปวดแค่ข้างเดียว แต่อาจปวดสลับข้างได้ในแต่ละครั้ง จะปวดในลักษณะปวดตุ้บๆอย่างรุนแรง มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย อาการมักเป็นมากขึ้นถ้าเห็นแสงสว่างจ้าๆหรือได้ยินเสียงดังๆ
- อาการปวดศีรษะแบบเป็นชุด (Cluster headache) อาการปวดศีรษะมักเป็นแบบปวดรุนแรงเฉียบพลันขึ้นมาแล้วหายไปเป็นพักๆ ร่วมกับมีอาการตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหล
และในการวินิจฉัยสาเหตุของอาการปวดศีรษะนั้นก็ยังมีความจำเป็นต้องตรวจประเมินอาการทางระบบประสาทโดยละเอียดด้วยเพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าอาการปวดศีรษะไม่ได้เกิดจากความผิดปกติในสมองครับ
ถ้าหากได้รับประทานยาในเบื้องต้นแล้วอาการปวดศีรษะยังไม่ดีขึ้นหมอก็แนะนำว่าควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการโดยละเอียดก่อนจะดีกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการเดียวคือปวดหัวตุ้บๆแค่ตอนก้มหน้าครับ. และถ้าสะเทือนแรงๆก็มีปวดอยู่นอกนั้นไม่มีครับ.
ขอบคุณครับ
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเวียนหัวและปวดหัว ต้องได้รับการซักประวัติอย่างละเอียด เกี่ยวกับลักษณะการปวดเพิ่มเติม อาการร่วมกับปวดหัว เช่น ตามัว อาเจียน แขนขาอ่อนแรง การเห็นแสงสิบวับ เป็นต้น รวมถึงต้องตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างละเอียดด้วยครับ
จึงตะสามารถวินิจฉัยและรักษาได้อยาางตรงจุด ตัวอย่างโรคเกี่ยวกับการปวดหัว
สำหรับคนไข้ อาการที่นึกถึงได้ 3 อย่าง ในขณะนี้ คือ
1. โรคไมเกรน (migrain)ครับ คือ โรคชนิดหนึ่งซึ่งยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ แต่น่าเชื่อได้ว่าอาจมีจุดกำเนิดจากก้านสมองที่ทำงานผิดปกติ หรือเกิดจากภาวะที่สารเคมีในสมองไม่สมดุล ส่งผลให้หลอดเลือดมีความไวต่อการกระตุ้นมากเป็นพิเศษกล่าวคือ มีการหด และขยายตัวของหลอดเลือดอย่างผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะได้
โดยลักษณะอาการปวดศรีษะจะมีลักษณะ ปวดบริเวณขมับโดยอาจจะปวดข้างเดียว หรือทั้งสองข้างก็ได้ บางกรณีอาจมีการปวดวนกันไป และมักจะปวดข้างเดิมอยู่ซ้ำ ๆ
ส่วนอีกบริเวณหนึ่งที่พบมาก ได้แก่ บริเวณเบ้าตา ลักษณะของการปวด ก็มักจะปวดตุ้บๆ ตามจังหวะของชีพจร ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
การรักษาโดยการกินยาลดอาการปวด การกินยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดหดและขยายตัวซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเกิดขึ้น
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคกำเริบซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เช่นความเครียด บางคนเจออาการร้อนหรือที่ๆแสงสว่างมากๆก็กระตุ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนครับ
—อย่างที่สองที่นึกถึงได้ คือ การติดเชื้อโดยเฉพาะ การติดเชื้อที่ระบบทางดินหายใจส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้มีอาการปวดศรีษะ บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณใบหน้า ปวดรอบเบ้าตา อาจมีน้ำมุกสีเขียวผิดปกติ คัดจมูก มาก หรือบางคนอาจมีการได้กลิ่นลดลงได้ค่ะ เป็นต้น
การรักษาคือ การให้ยาฆ่าเชื้อ และการล้างจมูกบ่อยๆ
3.Tension headache เป็นการปวดศรีษะชนิดหนึ่ง ที่พบได้บ่อยที่สุด วินิจฉัยโดยอาศัยลักษณะ อาการปวดโดยมักจะปวดตื้อๆ บีบๆเริ่มจากบริเวณท้ายทอยร้าวไปขมับ สองข้าง
บางครั้งอาจจะกดเจ็บบริเวณหนังศรีษะร่วมด้วย มักมีสาเหตุเกิดจากความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอครับ
4.-cluster headache เป็นการปวดหัวอีกแบบหนึ่ง ที่คนไข้ จะมีอาการปวดหัวมากๆ จะข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ ลักษณะคือ จะปวดรอบตาก่อน และอาจกระจายไปปวดที่อื่นๆของใบหน้าและศรีษะ คนไข้บางคนอาจปวดมากจนน้ำตาไหล เหงื่อไหล บางคนอาจปวดจนตื่นมากลางคืนครับ ระยะเวลาของช่วงที่ปวดแตกต่างกัน อาจปวดได้นานเป็นช่วงๆ ช่วงละ 30-90 นาที ยาวนาน6-12 สัปดาห์ครับ
สาเหตุของการปวดหัวชนิดนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัดครับ
การรักษาเบื้องต้น ได้แก่ การทานยาแก้ปวด งดดื่มแอลกอฮอล์ ( เพราะบางตำราเชื่อว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของอาการปวดได้) การให้ยาโดยแพทย์ มักเป็นยากลุ่ม triptans หรือ การให้ออกซิเจน จะช่วยบรรเทาอาการได้ครับ
อย่างไรก็ตาม โรคปวดศรีษะ มีมากมายหลากหลาย ต้องอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายทางระบบระสาทอย่างละเอียดครับ ซึ่งการรักษาก็ขึ้นกับว่าวินิจฉัยเป็นโรคอะไรครับ หากไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นนั้นเข้าได้กับอาการที่กล่าวทางด้านต้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีอาการเหล่านี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับ
1.ปวดมาก ปวดตลอดเวลาไม่มีช่วงที่หายสนิทเลย
2.ปวดจนสะดุ้งตื่น ขึ้นมากลางดึก หลังจากที่หลับไปแล้ว
3.มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่นชักเกร็งกระตุก คลื่นไส้ มีอาเจียนพุ่ง หนังตาตก แขนขาอ่อนแรงหรือชาเป็นต้น
4.มีไข้
5.มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกศรีษะ
5.มีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น มะเร็งชนิดต่างๆ โรคเลือด โรคติดเชื้อ HIV เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณครับ
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ปวดศีรษะเป็นได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
ปวดศีรษะจากความเครียด โดยลักษณะการปวดจะเป็นบีบรัดรอบศีรษะ อาจมีปวดท้ายทอย ร้าวมาที่ขมับ เบ้าตาได้ครับ, ปวดศีรษะจากไมเกรน โดยลักษณะการปวดจะปวดข้างเดียว หรือสองข้างก็ได้ แบบตุบๆ มักปวด เป็นๆหายๆ แต่ละครั้งนานประมาณ 4-72 ชม. คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยได้ ไม่ชอบอยู่ในที่มีแสงสว่างและเสียงดัง และอาจมีอาการเตือน เช่น แสงกระพริบ/ซิกแซก ตาพร่ามัว เป็นต้นครับ
ถ้าอาการเหมือนปวดศีรษะจากความเครียด เบื้องต้นลองผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ อาจลองรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล(ถ้าไม่ได้เป็นโรคตับ)
ถ้าไม่ดีขึ้น อาการเหมือนโรคไมเกรน หรือมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น ปวดศีรษะมากแบบไม่เคยปวดมาก่อน มีอาเจียนพุ่ง แขนขาอ่อนแรง ชัก สับสน มีไข้ เบื่ออาหารน้ำหนักลด มีประวัติอุบัติเหตุทางศีรษะและคอก่อนปวด อาการปวดรบกวนการนอนจนต้องตื่นขึ้นมาเพราะปวดศีรษะ อายุมากกว่า50ปี มีโรคประจำตัวเป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็ง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันอยู่ แนะนำไปพบแพทย์เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย อย่างละเอียดจะดีกว่าครับ เพื่อแยกโรคปวดศีรษะที่ร้ายแรงอื่นๆครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ขอบคุณครับ
มีอาการปวดหัวข้างซ้าย. ทุกครั้งที่ก้มหน้า และตอนสั่นๆร่างกาย. และปวดช่วงท้ายทอยด้านซ้าย เป็นมาสองวันแล้วครับ. มีวิธีดูแลอย่างไรบ้าง. เบื้องต้นกินยาพาราไปแล้ว 2 เม็ด (ไม่สะดวกไปหาหมอเนื่องจากทำงาน)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)