February 07, 2019 00:54
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอรบกวนขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเครับ
1. วันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่
2. ยาคุมฉุกเฉินที่รับประทานไปก่อนหน้านี้เป็นชนิด 1 หรือ 2 เม็ด และรับประทานอย่างไร
3. ก่อนหน้านี้ได้รับประทานยาคุมรายเดือนต่อเนื่องมาก่อนหรือไม่
4. ปัจจุบันรับประทานยาคุม 28 เม็ดถุงเม็ดที่เท่าไหร่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
1 วันที่ 20 มกราค่ะ
2 ยาคุมฉุกเฉินแบบ2เม็ดค่ะ
3 ไม่ได้ทานยาคุมแบบรายเดือนมา1-2ปีแล้วค่ะ
4 พึ่งซื้อยาคุมแบบ28เม็ดมาและเพิ่งทานไป1เม็ดค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ไม่ทราบว่าตอน 15.00 น. รับประทานยาคุมฉุกเฉินไป 1 เม็ดหรือรับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2เม็ดพร้อมกันค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ
การรับประทานยาคุมแบบรายเดือนนั้นจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ต่อเมื่อเริ่มรับประทานยาภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หรือได้รับประทานยาติดต่อกันมามากกว่า 7 วันก่อนมีเพศสัมพันธ์เท่านั้นครับ ในกรณีนี้ยาคุมแบบรายเดือน 28 เม็ดจึงยังไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ที่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ได้
ส่วนยาคุมฉุกเฉินเองก็จะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยา 120 ชั่วโมงเท่านั้น
จากเหตุการณ์นี้ การมีเพศสัมพันธ์ในเวลา 0.00 น. จึงยังไม่ได้รับการป้องกันการตั้งครรภ์ใดๆ และยังมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้สูงอยู่ครับ
หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกครั้งให้เร็วที่สุด โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% หรืออย่างช้าที่สุดก็อนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ ทั้งนี้จะต้องยอมรับด้วยว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันมากๆอาจมีผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินได้มากมากขึ้น เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน
ส่วนยาคุมแบบรายเดือนที่เพิ่งเริ่มรับประทานหมอก็แนะนำให้หยุดรับประทานไปก่อน เนื่องจากยาจะยังไม่ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในตอนนี้
หลังจากนี้ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีก หมอก็แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนทุกครั้ง และเมื่อประจำเดือนมาแล้วก็สามารถกลับมาเริ่มรับประทานยาคุมแบบรายเดือนได้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นก่อนการรับประทานยาคุมแบบรายเดือนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินพรุ่งนี้ภายใน24ชม.ประสิทธิภาพ 100%ไหมคะ
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินพรุ่งนี้ภายใน24ชม.ประสิทธิภาพ 100%ไหมคะ
ขอบคุณสำหรับคำตอบมากๆค่ะคุณหมอ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ประมาณ 85% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะอยากสอบถามเรื่องคุมกำเนิด พอกีวันนี้กินยาคุมฉุกเฉินไป15:00และกินยาคุมแบบ28เม็ดไป21:00และมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในไป00:00มีโอกาศท้องไหมคะหรือต้องไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)