จูบปากมีสิทธ์ติดเชื้อ HIV ไหม.

ในน้ำลายนั้นจะมีเชื้อHIVอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก ทำให้HIVไม่สามารถติดต่อผ่านการจูบได้ครับ

สารคัดหลั่งในร่างกายที่ถือว่ามีจำนวนเชื้อHIVอยู่มาก และทำให้สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ได้แก่ เลือด น้ำหล่อลื่นหรือน้ำอสุจิ สารคัดหลั่งจากช่องคลอด สารคัดหลั่งจากทวารหนัก และน้ำนมครับ

ถ้ามีเลือดออกในปากทั้งคู่ ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อHIVได้ครับ

หมายถึงว่ามีโอกาสติดเชื้อHIVได้หรือไม่ใช่ไหมครับ

การทำออรัลเซ็กซ์ให้คนอื่นนั้นมีโอกาสที่จะติดเชื้อHIVได้ 0.04% ครับ ดังนั้นถ้าหากแฟนของคุณมีการติดเชื้อHIVอยู่ คุณก็มีสิทธิ์ติดเชื้อHIVมาได้ครับ

ถ้าหากออรัลเซ็กซ์โดยเป็นฝ่ายให้คนอื่นทำให้จะมีความเสี่ยงติดเชื้อ HIV ได้ร้อยมากจนแทบเป็น 0% ครับ แต่ถ้าเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นจะมีโอกาสติดเชื้อ HIV ได้ 0.04%

ในกรณีที่ต้องการป้องกันการติดเชื้อก็สามารถทำได้โดยการไปพบแพทย์เพื่อขอรับยาต้านไวรัสมารับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังรับความเสี่ยงครับ โดยจะต้องรับประทานยาต้านไวรัสไปเป็นเวลานาน 4 สัปดาห์

ความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับเลือดที่ออกมาจากบาดแผลครับ ถ้าหากมีเลือดออกมามาก ความเสี่ยงติดเชื้อก็จะมีมาก แต่ถ้าหากไม่ได้มีเลือดออกมาจากบาดแผลเลย โอกาสติดเชื้อ HIV ก็มีน้อยมากๆครับ

โดยปกติแล้วในน้ำลายของผู้ติดเชื้อ HIV จะมีเชื้ออยู่น้อยมากเกินกว่าที่จะทำให้ติดเชื้อได้ครับ

ในกรณีนี้ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้มีแผลในปากที่กำลังมีเลือดออกอยู่ก็จะไม่ทำให้ติดเชื้อ HIV ครับ

ถ้าหากผู้ติดเชื้อ HIV มีแผลอยู่ที่ปากและเลือกของผู้ติดเชื้อมาติดอยู่ที่ขอบแก้ว การดื่มน้ำจากแก้วนี้ก็จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้ครับ

ถ้าหากน้ำอสุจิสัมผัสกับมือเท่านั้นโดยที่มือนั้นไม่มีแผลก็จะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ครับ

แต่ถ้าหากอสุจิสัมผัสกับช่องคลอด เยื่อบุตา เยื่อบุปาก หรือบาดแผลก็จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้ครับ

โอกาสที่จะติดเชื้อ HIV ได้จากการดื่มน้ำแก้วเดียวกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างมีแผลร้อนในในปากทั้งคู่นั้นมีโอกาสน้อยมากๆจนไม่ควรต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อครับ

โอกาสติดเชื้อ HIV ในลักษณะนี้จะเพิ่มสูงขึ้นในกรณีที่เป็นแผลสดที่กำลังมีเลือดออกในปากมากกว่าครับ

โอกาสติดเชื้อ HIV และซิฟิลิสจากการดื่มน้ำแก้วเดียวกันในลักษณะข้างต้นเป็นไปได้น้อยมากจนแทบเป็นไปไม่ได้เลยครับ แต่ถ้าหากกังวลเรื่องการติดเชื้อจริงๆก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนได้ครับ

ในกรณีนี้ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV จะอยู่ที่การสัมผัสสารคัดหลั่งของอีกฝ่ายเข้าทางปากมากกว่าการจูบครับ

ถ้าหากไม่สามารถมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายปลอดภัยจากการติดเชื้อ HIV หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและตรวจเลือดในเบื้องต้นก่อน และถ้าหากยังไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังเหตุการณ์ดังกล่าวก็สามารถขอรับยาต้านไวรัสมารับประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ครับ

ในกรณีนี้ไม่ว่าจะมีแผลในปากหรือไม่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ได้ครับ เนื่องจากมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากช่องคลอดของอีกฝ่ายเข้าทางปากครับ

ถ้าหากเกิน 72 ชั่วโมงหลังรับความเสี่ยงแล้วก็จะไม่สามารถรับประทานยาต้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ครับ แต่หมอก็ยังแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดประเมินการติดเชื้อในทันทีก่อน เพราะถ้าหากตรวจพบการติดเชื้อก็จะได้ให้การรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ