April 04, 2019 01:01
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในอดีต มีคำแนะนำที่ฉลากยาว่า "ไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเกินเดือนละ 2 กล่อง" ค่ะ เนื่องจากกังวลว่าอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
แต่การศึกษาต่อมาชี้ว่ายาคุมฉุกเฉินไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้มีการนำคำเตือนนั้นออกไปจากฉลากยาแล้วนะคะ
โดยในปัจจุบัน แนะนำว่า หากมีความจำเป็น เช่น ถูกข่มขืน, ถุงยางฉีกขาด, ลืมรับประทานยาคุมรายเดือน ก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน ดังนั้น จึงไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ เนื่องจากการนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แบบผิด ๆ เช่น ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง หรือใช้ยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน มีความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ได้มากกว่าหลายเท่าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินเกิน2กล่องต่อเดือน ถ้าทานไปในระยะยาวอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก และเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกอีกด้วยค่ะ สำหร้บผลข้างเคียงหลังทานไปในยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดเต้านม ปวดท้อง มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนเลื่อนได้ เป็นต้นค่ะ นอกจากผลข้างเคียงที่มากแล้วยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยังสามารถเกิดโอกาสการตั้งครรภ์ได้ 15-25%ค่ะ ซึ่งถือว่าเป็นการคุมที่มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก ยังไงแนะนำให้คุมด้วยวิธีอื่นค่ะ ดช่น ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน ฉีด ฝัง เป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
แม้จะมีผลการศึกษาที่ชี้ว่ายาคุมฉุกเฉินไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูกอย่างที่เคยกังวลกันในอดีต แต่ก็ยังมีการส่งต่อข้อมูลดังกล่าวอยู่เรื่อยมา รวมถึงเพิ่มเติมข้อกังวลที่ว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีขนาดสูง อาจทำให้เกิดปัญหาการมีบุตรยากในอนาคต หรือทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย
ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ หรือด้วยความปรารถนาดีที่ต้องการป้องกันการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างพร่ำเพรื่อ แต่ก็ส่งผลให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เกิดความหวั่นวิตกในผลที่ตามมาจนไม่กล้าจะใช้ยา และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้
ด้วยเหตุนี้ ในปี ค.ศ. 2010 องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้เผยแพร่เอกสารวิชาการ โดยชี้แจงถึงประเด็นที่เป็นข้อสงสัยหรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล ดังนี้ค่ะ
1. การใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel emergency contraceptive pill: LNG-ECP) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื่องจากมีข้อมูลจากการศึกษาที่เชื่อถือได้จำนวนมากที่ชี้ว่า อุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกในผู้ที่ใช้ LNG-ECP ไม่แตกต่างจากผู้ที่ไม่เคยใช้
2. เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงไม่พบว่าการใช้ LNG-ECP จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Venous thromboembolism: VTE)
3. ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าการใช้ LNG-ECP เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่าง ๆ
4. การใช้ LNG-ECP ไม่มีผลต่อการมีบุตรหรือโอกาสตั้งครรภ์ในอนาคต (นั่นคือไม่ได้ทำให้มีบุตรยาก)
5. แม้มีการใช้ LNG-ECP เกินขนาด หรือใช้ซ้ำมากกว่า 1 ครั้งในรอบเดือนเดียวกัน ก็ไม่พบความเสี่ยงที่ร้ายแรง
6. มีไม่ถึง 1 ใน 5 ของผู้ใช้ LNG-ECP ที่เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์จากยา โดยพบเพียงอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ และเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ประจำเดือนไม่ปกติ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือไม่สบายท้อง แต่ไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ
7. หากการคุมกำเนิดล้มเหลวและเกิดการตั้งครรภ์ ไม่พบว่า LNG-ECP มีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ รวมถึงไม่มีผลให้เกิดการแท้งบุตร
8. หญิงให้นมบุตรสามารถใช้ LNG-ECP ได้เช่นเดียวกับสตรีทั่วไป
..
..
..
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความปลอดภัย แต่ก็ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเฉพาะในกรณีที่จำเป็นฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถูกข่มขืน หรือใช้เป็นวิธีเสริมในกรณีที่วิธีหลักล้มเหลว เช่น ถุงยางฉีกขาด
เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติ นั่นคือ แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินเร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15%
ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2% หรือถ้าใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.3%
การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้บ่อย ๆ แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ (เช่น ใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยาง หรือใช้เพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน) จึงมีโอกาสคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สรุปว่ายาคุมฉุกเฉินห้ามกินเกินสองครั้งในชีวิตหรือห้ามกินเกินสองครั้งต่อเดือนกันแน่ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)