May 18, 2018 21:10
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
จะขอตอบเป็นข้อๆนะคะ
1.โรคภูมิแพ้ จมูก จะมีอาการคือ คันหู คันตา คันจมูก บางคนมีอาการจามบ่อยๆ จมูกตัน เป็นต้นค่ะ ซึ่งอาการ มีตั้งแต่เล็กน้อย คือ ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน ไปจนถึง อาการที่มากปานกลางและรุนแรง คือ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น จมูกตันมาก ไม่มีสมาธิในการทำงาน นอนไม่หลับ เป็นต้น และอาการ ก็จะแบ่งตามการช่วงเวลาเป็นได้อีกสองแบบคือ เป็นๆหายๆ( น้อยว่า 4 วันต่อสัปดาห์ติดกันน้อยกว่า 4 สัปดาห์) กับอาการเป็นตลอด (มากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ มากกว่า 4สัปดาห์ติดกัน) ซึ่งที่ต้องแบ่งแบบนี้ เนื่องจากการรักษาแตกต่างกันค่ะ
การประเมินเพิ่มเติม เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้จมูกที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การ ตรวจผิวหนัง (SPT) ว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้แบบไหน เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรดอกไม้ แมว เป็นต้น หรือการ ตรวจเลือด (sIgE) ค่ะ รวมไปถึง หากมีอาการรุนแรงที่บ่งบอกว่า อาจไม่ใชามีอาการเพียงภูมิแพ้จมูกเพียงอย่างเดียว เช่น ริดสีดวง จมูก ไซนัสอักเสบ เนื้องอก ในโพรงจมูก โดยคนไข้จะมีอาการอื่นนอกจากอาการที่กล่าวมา ได้แก่ น้ำมูกเขียวข้น น้ำมูกไหลจากจมูกด้านเดียว มีเลือด/หนองไหลจากจากจมูก มีไข้เป็นๆหายๆ เป็นต้นค่ะ
การรักษาโรคภูมิแพ้จมูก ทั้งสองอย่างที่ตรงกันคือ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนเองแพ้ ซักผ้าห่มผ้าปูบ่อยๆ ด้วยน้ำที่อุณหภูมิมากกว่า 55องศาเซลเซียส ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน ไม่สูบบุหรี่ค่ะ
อย่างที่สอง คือการใช้ยา ได้แก่ ยา antihistamine ซึ่งมีหลายแบบค่ะ, ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก ซึ่งเป็นยาที่ดี่ที่สุดขณะนี้ค่ะ
ปัจจุบัน การรักษาเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ภูมิแพ้จมูกหายขาดคือ การฉีด วัคซีน ภูมิแพ้ค่ะ ซึ่งต้องฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ ใบ้เวลารักษา 3-5 ปีค่ะ
หากคนไข้ต้องการตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้จมูก แนะนำให้ปรึกษา กุมารแพทย์/อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกัน , แพทย์หู คอ จมูก ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้และไซนัสค่ะ
2.วิธีการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคหอบหืดค่ะ
1. ไปตรวจตามนัดสม่ำเสมอ ใช้ยาที่คุณหมอให้อย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเองค่ะ
2.ไม่สูบบุหรี่ หรือ หลีกเลี่ยงคนรอบข้างที่สูบบุหรี่
3.เปลี่ยนเครื่องนอนบ่อยๆ
4.หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝุ่นควันพิษค่ะ
5.ไม่เลี้ยงสัตว์ในบ้าน โดยเฉพาะที่ขนฟูๆ
6.รักษาโรคที่มักพบร่วมกับหอบหืด เช่น ภูมิแพ้จมูก อาจต้องทดสอบสารที่แพ้ด้วย เพื่อจะได้หลักเลี่ยงได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม โรคหอบหืด เป็นโรคเรื้อรัง อาจไม่หายขาด แต่เราสามารถควบคุมได้ค่ะ บางคนที่ปฏิบัติตัวอย่างเคร่วครัด อาจลดหรือหยุดใช้ยาที่ใช้เป็นประจำทุกวันได้ตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ไม่ควรหยุดยาเองค่ะ
3.การรักษาโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน ประกอบไปด้วยสองอย่างคือ
1.การปรับการใช้ชัวิตประจำวัน
2.การใช้ยา
การปรับชีวิตประจำวัน ควรปรับเรื่อง อาหาร และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการกินค่ะ
-อาหาร ควรเป็นอาหารที่ไม่รสจัด ไม่มัน ไม่หวานจัดเผ็ดจัดเค็มจัด
-ลดของหวานของมัน
-รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
-หลังกินควรยกหัวสูง คือไม่นอนทันทีค่ะ อย่างน้อย 1-3 ชม
-หากมียาที่มีผลข้างเคียง ทำให้ปวดท้อง เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์
ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ อาจจะเป็นโรคกระเพาะไม่มีสาเหตุ การติดเชื้อเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ก้อน นิ่ว เป็นต้น หลังจากตรวจ อาจจะได้นามารับประทาน ให้รับประทานต่อเนื่อง ร่วมกับการปรับชีวิตประจำวันค่ะและไปตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอค่ะ
4.โรคเลือดจาง ปกติจะรักษาตามสาเหตุค่ะ ขอให้คนไข้ทานยาและตรวจติดตามกับแพทย์เจ้าของไข้อย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไป ถ้าเลือดจางไม่มาก จะไม่ค่อยมีผลต่อชีวิตประจำวันค่ะ
5.โรคซึทเศร้า อาจจะสำคัญที่สุดในที่นี้ โดยปกติ ถ้าเราติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของจิตแพทย์แล้ว อาการน่าจะดีขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจล้วนๆเลยค่ะ นอกจากการปฏิบัติตามโรคประจำตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือการมีสุขอนามัยที่ดีตามปกติ งดเว้นบางอย่างที่อาจทำให้เราไม่สุขสบายเท่านั้น หมอคิดว่า ถ้าอยากซ้อมวงโยธ ก็สามารถทำได้ค่ะ แต้งมห้ครูผู้สอนทราบโรคประจำตัวของเรา และแสดงความตั้งใจจริงว่าอยากเข้าร่วม หมอเชื่อว่าเราจะทำได้แบะคุณครูจะต้องเข้าใจค่ะ หมอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ถ้าเป็นหอบ โรคกระเพราะ ภูมิแพ้ เลือดจาง โรคซึมเศร้า แล้วซ้อมชมรมวงโยธวาทิตจะไหวมั้ย ใจก็อยากอยู่แต่เป็นเพราะโรคที่มีเยอะพอจะมีวิธีรักษาบางโรคได้มั้ย?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)