สวัสดีค่ะคุณหมอ ตอนนี้กลุ้มใจมากค่ะ คือลูกชายวัย 4 ขวบ อาการเหมือนเด็กสมาธิสั้นค่ะ อาการอยู่ไม่เฉยเลยค่ะ ซนมาก ขาดการยับยั้ง ไม่มีสมาธิ ทำการบ้านไม่สำเร็จค่ะ บอกให้หยุดไม่หยุดเลยค่ะ คือออกจากบ้านได้คือวิ่งเลยค่ะ ไม่ค่อยยอมเดิน พูดไม่ชัดค่ะ แต่เข้าใจที่เราพูดทุกอย่างนะคะ ใช้หยิบจับสิ่งของได้ถูกต้อง แต่ก้าวร้าวค่ะ ชอบเขวี้ยงของ ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่นเวลาไม่พอใจ คือไม่ทราบว่าลูกเข้าข่ายเป็นเด็กสมาธิสั้นหรือออทิสติกมั้ยคะ คุณตาคุณยายเลี้ยงค่ะ ตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ขวบเลยให้ดู ทีวี และมือถือค่ะ

สวัสดีครับ ถ้ามีอาการเบื้องต้น แนะนำให้พาไปพบจิตแพทย์เด็กครับ เพราะอาการอยู่นิ่งไม่ได้ ไม่ฟังคำสั่ง สามารถเป็น สมาธิสั่นได้ครับ แนะนำให้พาไปรักษาครับ สามารถรักษาได้ครับ

เด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่นิ่ง มีโอกาสที่จะเป็นได้ทั้งสมาธิสั้นและออทิสติกค่ะ ยิ่งการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมโดยเฉพาะการเลี้ยงด้วยทีวีและมือถือยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการของสมาธิสั้นและออทิสติกได้ค่ะ ซึ่งต้องประเมินอาการอื่นๆเพิ่มเติม จึงจะวินิจฉัยโรคได้แน่ชัด

อาการสมาธิสั้น จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มอาการ ได้แก่
1.อาการขาดสมาธิ เหม่อลอย ไม่รอบคอบ ขี้ลืม
2.อาการซน ไม่นิ่ง ยุกยิกตลอดเวลา มือเท้าอยู่ไม่สุข เล่นผาดโผน/เสี่ยงอันตราย พูดมาก
3.ดื้อ ต่อต้าน วู่วาม ใจร้อน รอคอยไม่ได้ พูดแทรก

อาการขอออทิสติก จะมีความบกพร่องทางพัฒนาการหลายด้าน ได้แก่ พัฒนาการด้านภาษา(พูดภาษาแปลกๆ /เลียนเสียงในทีวี บอกความต้องการของตนไม่ได้ และเมื่อไม่ได้ดังใจจะกรีดร้องหรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ) พัฒนาการด้านสังคม เล่นกับเพื่อนไม่เป็น ไม่ค่อยสบตา มีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น ชอบเล่นของหมุนๆ โยกตัว เดินเขย่งปลายเท้า ชองเรียงของเป็นแถวๆ เป็นต้น
และในออทิสตกบางรายจะมรภาวะสมาธิสั้นร่วมด้วย

สาเหตุของโรคทั้งสองเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ความผิดปกติของสมอง การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น

การรักษา ในเด็กเล็กอายุไม่ถึง 6 ขวบ จิตแพทย์อาจจะไม่ให้การักษาด้วยยาแต่จะเน้นเรื่องการปรับพฤติกรรม ปรับวิธีการเลี้ยงดู แต่หากในเด็กที่อายุเกิน 6 ขวบ และมีอาการไม่นิ่ง ก้าวร้าว อาจต้องใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นร่วมกับการปรับพฤติกรรมค่ะ

ดังนั้นในกรณีที่คุณแม่สังเกตว่าลูกมีอาการผิดปกติไปจากเด็กทั่วๆไป แนะนำให้พาน้องไปพบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัดแล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม การรู้เร็ว รักษาไวตั้งแต่เด็กอายุน้อยๆ จะเป็นผลดีต่อการรักษา และเด็กจะได้มีพัฒนาการด้านต่างๆใกล้เคียงกับเด็กอื่นๆในวัยเดียวกัน นะคะ

สวัสดีครับ

ขอสนับสนุนพี่นักจิตวิทยานะครับที่แนะนำให้พาน้องเข้ารับการประเมินจากจิตแพทย์เด็ก และอาจจะต้องมีการฝึกในเรื่องการออกเสียงและการใช้ภาษาเพิ่มเติมเพราะว่าเด็ก 4 ขวบควรที่จะสามารถพูดได้เป็นประโยคแล้วซึ่งการที่น้องมีพัฒนาการล้าช้าไปบ้างตรงนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งสำคัญก็คือควรให้น้องเข้ารับการประเมินและกระตุ้นพัฒนาการที่เร็วที่สุดในเรื่องการพูด เพราะช่วงอายุของน้องยังเป็นช่วงที่การเรียนรู้ด้านภาษาเกิดขึ้นได้ไว ยิ่งได้รับการฝึกเร็วก็จะยิ่งง่ายต่อตัวน้องมากในการมีพัฒนาการด้านการพูดและการใช้ภาษาที่เหมาะสมนะครับ

สำหรับเรื่องของการซน หรือการทำร้ายผู้อื่น ตรงนี้อาจจะยังตอบยากนะครับเพราะอายุเพียงแค่ 4 ขวบ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่สามารถทำได้ก็คือการค่อยๆสอนเขาครับ เพราะการที่คุณตาคุณยายเลี้ยงมาอาจจะเป็นไปได้ว่าทำให้ตัวน้องเองไม่ได้รับการสั่งสอนที่เหมาะสมเท่าไหร่ และการให้น้องเล่น มือถือ หรืออุปกรณ์ อิเล็คโทรนิคตั้งแต่ยังเด็กก็มีผลต่อเรื่องของสมาธิเช่นกัน เนื่องจากพัฒนาการด้านการรับรู้ของสมองและสายตา จะยังไม่สามารถรับกับความเร็วของภาพในโทรทัศน์ได้ซึ่งมีผลกระทบกับพัฒนาการของเด็กครับ

คุณแม่เองก็อาจจะต้องลองหาหนังสือในเรื่องของการรับมือหรือการปรับพฤติกรรมน้องที่ต้องไปใช้ที่บ้าน เพราะอยากให้ตระหนักไว้ครับว่าในเด็กวัยนี้ ครอบครัวเองก็เป็นส่วนสำคัญมากๆที่ส่งผลกระทบกับตัวน้อง การเลี้ยงดูในช่วงนี้จะซึมซับเข้าไปในตัวเขาได้เร็วมากดังนั้น การใช้ความรุนแรงกับเขา หรือการดุด่า ใช้คำพูดที่รุนแรง ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะครับ การปรึกษาจิตแพทย์เด็กก็อาจจะได้รับเทคนิคดีๆ และถ้าหากว่ามี session ในเรื่องของการฝึกน้องในเรื่องการปรับพฤติกรรมไปด้วยก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคุณแม่นะครับยังไงก็ลองดูได้ครับ

สุดท้ายนี้หากมีคำถามอื่นๆก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ