August 14, 2019 14:01
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
อาการเจ็บหน้าอก สามารถเป็นได้หลายอย่างครับ
ตั้งแต่ โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ จะเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ จี๊ดๆเหมือนของมีคมแทง เป็นมากขึ้นเมื่อหายใจเข้าออก และนอนราบ จะดีขึ้นเมื่อนั่งเอนตัวมาข้างหน้า, โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน มักจะเจ็บแน่นๆหน้าอก เหมือนถูกบีบรัด บางครั้งมีเหงื่อแตกใจสั่น ร้าวไปกรามหรือไหล่, โรคลิ่มเลือดอุดตันที่เส้นเลือดปอดเฉียบพลัน มักจะเหนื่อยขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจมีความดันโลหิตต่ำ ออกซิเจนต่ำทำให้เขียวในบางครั้ง มักมีประวัติหลอดเลือดดำอุดตันที่ขา เช่น นอน/นั่งอยู่กับที่นานๆ ประวัติโรคเลือดผิดปกติ, โรคกรดไหลย้อน อาจจะมีเรอเปรี้ยว จุกแน่นลิ้นปี่ ร่วมด้วย, โรคปอดแตก จนกระทั่งโรคกล้ามเนื้อหรือกระดูกอ่อนบริเวณหน้าอกอักเสบ จากอุบัติเหตุ/ออกกำลังกาย หรือทำงานหนักๆ มักจะเจ็บตอนขยับตัว หรือกดบริเวณดังกล่าว ดังนั้นเวลาหายใจเข้าออก มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอก ทำให้เจ็บมากขึ้น เป็นต้นครับ
แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย จะดีที่สุดครับ เพราะแต่ละสาเหตุรักษาต่างกันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ สำหรับอาการเจ็บหน้าอก สามารถเป็นได้หลายอย่างครับ เช่น
1.หัวใจขาดเลือด จะเจ็บ แน่นๆใต้หน้าอก นานเกิน 10 นาที อาจจะปวดร้าว ไปแขน หรือกรามซ้ายได้ครับ
2.กล้ามเนื้อและกระดูกอ่อนอักเสบ จะปวด เป็นบางจุด สามารถระบุได้ชัดเจนเมื่อขยับแขน เคยทำงานหนักมาก่อนที่จะปวด การรักษา คือการกินยาแก้ปวด และนอนพักครับ
3.กรดไหลย้อน คือ จะเจ็บแสบ ที่กลางหน้าอก หายใจไม่ออก
4.ภาวะวิตกกังวล ตื่นเต้น จะเกิดจากปัญหาทางจิตใจ ได้ครับ
5.ผนังหลอดเลือดแดงใหญ่เกิดการฉีกขาด หรือ เรียกว่า aortic dissection ครับ ซึ่งจะมีอากาาเจ็บปวดอย่างมาก เหมือนมีดแทง จะปวดทะลุไปหลัง ปวดมาก กินยาแก้ปวดยังไงก็ไม่หาย สาเหตุมักจะเกิดจาก ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมาก การรักษาคือ การใส่ขดขวด เข้าไปปิดรูที่เกิดการฉีกขาด เป็นต้นครับ
เนื่องจากอาการเจ็บอกมีได้หลายอย่าง ไม่สามารถยืนยันได้ครับว่าเจ็บหน้าอกจากอะไร เบื้องต้นแนะนำว่าควรไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเจ็บหน้าอก มีสาเหตุได้หลายแบบครับ ได้แก่
1.สาเหตุจากปอด เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อ , หอบหืด ลมรั่วในปอด ซึ่งถ้ามีลมรั่วในปอด อาการเจ็บจะสัมพันธ์กับการหายใจเข้าออก สามารถเกิดขึ้นได้เองโดยไม่มีปัจจัยกระตุ้น หรือบางคนเป็นหลังการติดเชื้อ หรือการกระทบกระแทกครับ
2.สาเหตุทางหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือถ้าคนอ้วน / สุงอายุ อาจเกิดจากหัวใจขาดเลือด (ในคนอายุน้อยก็พบได้ แต่อาจจะน้อยกว่าครับ)
อาการปวดของหัวใจขาดเลือด ลักษณะจะปวดแน่นๆ เหมือนมีอะไรมาทับ และจะมีอาการแม้ในขณะพัก บางคนอาจหน้ามืดเป็นลม ร้ายแรงสุด บางคนอาจหัวใจหยุดเต้นไปเลยนะครับ ถ้าคนไข้มีอาการดังนี้ ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร่งด่วนครับ
นอกจากนี้ คนไข้อาจมีอาการร่วมเช่น นอนราบไม่ได้ หรือมีอาการตื่นมาหายใจเหนื่อย หลังจากหลับไปแล้ว 1-2 ชม ครับถ้ามีอาการดังนี้ อาจสนับสนุนอาการของหัวใจวายครับ
3.สาเหตุที่กล้ามเนื้อ เช่น ผ่านการออกกำลังกาย / ออกแรงมากๆ อาจมีการอักเสบของกล้ามเนื้อและกระดูก กรณีนี้อาจมีจุดกดเจ็บชัดเจนที่บริเวณหน้าอกครับ สามารถเป็นๆหายๆได้
4.กรดไหลย้อน อาการจะไปในทางแน่นๆกลางอก บางคนอาจมีแสบร้อนยอดอก หรือ heart burn ได้ครับ
ถ้าอาการเป็นมาก แนะนำให้ไปตรวจร่างกายเพิ่ทเติมที่ รพครับ อาจมีการทำ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ เอกเรย์เพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มิอาการเจ็บหน้าอกตรงกลางไปจนถึงด้านหลังมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเจ็บมากตอนวิ่งเมื่อเหนื่อยจะเจ็บไต้ราวนมด้วย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)