ปกติมีอาการแพ้อากาศตอนเช้ามีน้ำมูกไหลแน่นจมูก แต่บางทีทานยาแก้แพ้อากาศแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น แบบนี้คือไม่ใช้อาการแพ้อากาศแต่เป็นหวัดหรือเปล่าครับ แล้วจะแยกได้อย่างไรครับว่าอันไหนหวัดอันไหนแพ้อากาศ

**ถ้าพูดถึงการแพ้ ก็คือ เมื่อมีสิ่งที่มากระตุ้น ก็จะทำให้มีอาการค่ะ เช่น ขนสัตว์ เชื้อรา/ไรใุ่น ที่ล่องลอยตามอากาศ หรือบางคนจะมาเฉพาะฤดูกาล เช่น หน้าฝน หน้าหนาว จึงมีอาการโรคภูมิแพ้ จมูก จะมีอาการคือ คันหู คันตา คันจมูก บางคนมีอาการจามบ่อยๆ จมูกตัน เป็นต้นค่ะ ซึ่งอาการ มีตั้งแต่เล็กน้อย คือ ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน ไปจนถึง อาการที่มากปานกลางและรุนแรง คือ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น จมูกตันมาก ไม่มีสมาธิในการทำงาน นอนไม่หลับ เป็นต้น ส่วนโรคหวัด คือการติดเชื้อไวรัส ถ้ามีอาการ ก็จะเป็นตลอดทั้งวัน อาจจะเป็นแค่ 2-3 วันแล้วหายไป ไม่เหมือนกับโรคภูมิแพ้ ที่อาจจะเป็นๆ หายๆ ได้ตลอด และพบในเรื่องของอาการคันหูตามากกว่าโรคหวัดปกติค่ะ นอกจากนี้ อาจต้องใช้การตรวจร่างกายเพิ่มเติม สิ่งที่จะสื่อถึงภูมิแพ้จใูกได้มากกว่าเช่น ขอบตาคล้ำ จมูกบวม / ภายในจมูกซีด มีตุ่มเม็ดใต้เปลือกตา เป็นต้นค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีการประเมินเพิ่มเติม เพื่อรักษาโรคภูมิแพ้จมูกที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การ ตรวจผิวหนัง (SPT) ว่าแพ้สารก่อภูมิแพ้แบบไหน เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ เกสรดอกไม้ แมว เป็นต้น หรือการ ตรวจเลือด (sIgE) ค่ะ รวมไปถึง หากมีอาการรุนแรงที่บ่งบอกว่า อาจไม่ใชามีอาการเพียงภูมิแพ้จมูกเพียงอย่างเดียว เช่น ริดสีดวง จมูก ไซนัสอักเสบ เนื้องอก ในโพรงจมูก โดยคนไข้จะมีอาการอื่นนอกจากอาการที่กล่าวมา ได้แก่ น้ำมูกเขียวข้น น้ำมูกไหลจากจมูกด้านเดียว มีเลือด/หนองไหลจากจากจมูก มีไข้เป็นๆหายๆ เป็นต้นค่ะ
การรักษาโรคภูมิแพ้จมูก ทั้งสองอย่างที่ตรงกันคือ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตนเองแพ้ ซักผ้าห่มผ้าปูบ่อยๆ ด้วยน้ำที่อุณหภูมิมากกว่า 55องศาเซลเซียส ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน ไม่สูบบุหรี่ค่ะ
อย่างที่สอง คือการใช้ยา ได้แก่ ยา antihistamine ซึ่งมีหลายแบบค่ะ, ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก ซึ่งเป็นยาที่ดี่ที่สุดขณะนี้ค่ะ
ส่วนการทานยาแบ้วไม่ดีขึ้น ถ้าเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ ต้องพิจารณา หลายอย่างค่ะ ตั้งแต่ 1.การวินิจฉัยถูกต้องหรือไม่
2.คนไข้ได้ทำการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นดีพอหรือยัง เช่น แพ้แมว แต่เลี้ยงแมวในห้องนอน ตราบใดที่ยังมีแมว คนไข้ก็จะยังมีอาการค่ะ
3.การกินยาสม่ำเสมอดีหรือไม่ เพราะ ภูมิแพ้ตมูกเป็นโรคเรื้อรัง การกินยาเพียง 1 ครั้ง ไม่ได้ทำให้โรคหาย เมื่อได้สิ่งกระตุ้น ก็จะกลับมาเป็นอีกค่ะ
4.ถ้ายาตัวนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็สามารถเปลี่ยนชนิดของยารักษาได้ เนื่องจากยามนปัจจุบันมีหลากหลายมากค่ะ

อาการน้ำมูกไหลแบบแพ้อากาศลักษณะน้ำมูกจะเป็นน้ำมูกใสๆ มักไหลในตอนเช้าหรือตอนกลางคืนครับ มีสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดได้คืออากาศเย็น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ การมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน เป็นต้น
ขณะที่อาการน้ำมูกไหลจากหวัด น้ำมูกมักข้นเหนียวมากกว่า อาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวได้ และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้ ไอ มีเสมหะ เป็นต้น

แต่บางทีก็ไม่สามารถแยกกันได้ 100% ครับ การที่เป็นโรคแพ้อากาศแต่กินยาแก้แพ้แล้วไม่หาย อาจจะเกิดจากโรคมีความรุนแรงมากจนยากินเอาไม่อยู่ก็ได้ครับ ซึ่งกรณีนี้อาจต้องใช้ยาพ่นจมูกร่วมด้วย

แนะนำว่าถ้าอาการเป็นหนักมากควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการดูครับ