ขอวิธีเลิกยา sertraline วิธีค่อยๆหยุดยาและรักษาโรคนอนไม่หลับวิตกกังวลค่ะ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีอาการนอนไม่หลับ เป็นหลายวัน ซึงทำให้กลัวการนอนหลับ รู้สึกแย่กับตัวเองมากที่เป็นแบบนี้ วิตกกังวล คิดเรื่องนอนไม่หลับในหัวตลอด จึงได้ไปพบจิตแพทย์ โดยใช้สิทธิประกันสังคม คุณหมอบอกว่ามีภาวะซึมเศร้าแต่ไม่หนัก แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นโรควิตกกังวลมากกว่าจึงส่งผลให้ซึมเศร้าได้ ซึ่งคุณหมอไม่ได้สอบถามหรือแนะนำอะไรมากแค่จ่ายยาเพราะคิวเยอะ คุณหมอจึงให้ยา sertraline มาลองกิน2อาทิตย์ดูก่อน ให้กินแค่1ส่วน3 ก่อนนอนต่อวัน ซึงพอกินแล้วรู้สึกว่าอาการดีขึ้น ไม่จมปักกับความคิด และวิตกกังวลน้อยลง หลังจากนั้นได้ไปพบหมอตามนัด หมอจึงให้มากินอีก1เดือน แต่บอกว่าให้ลองหยุดยาโดยกินยาวันเว้นวันดู(เพราะเราบอกว่าไม่ค่อยมีอาการวิตกกังวลและนอนหลับได้) ซึ่งได้ยามาเพิ่มอีก1เดือน แต่ไม่ได้หยุดยาเลยเพราะกลัวว่าจะนอนไม่หลับ และได้ปรับเป็นครึ่งเม็ดต่อวันเพราะรู้สึกมีอาการวิตกกังวลมากขึ้นช่วงก่อนประจำเดือนจะมา ซึ่งได้กินยาไปทั้งหมด1เดือน(1/3ต่อวัน) กับอีก2อาทิตย์(ครึ่งเม็ดต่อวัน) ซึ่งเมื่อวานได้ไปพบหมออีกรอบ หมอก็จ่ายยาตัวเดิมมาให้อีก1เดือน และหมอก็บอกว่าถ้าไม่กินยาได้ก็จะดี ให้ลองหยุดยาวันเว้นวัน หรือง่วงนอนได้เองก็ไม่ต้องกิน แต่จิตใจของตัวเรากลัวที่จะเลิกกินยาอยากหยุดยานะคะ แต่กลัวจะนอนไม่หลับถ้าหยุดยา ขอคำแนะนำด้วยค่ะ วิธีค่อยๆหยุดยาและรักษาอาการนอนไม่หลับวิตกกังวล

สวัสดีครับ
การหยุดยา Sertraline นั้นจะต้องค่อยๆลดยาอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่แพทย์แนะนำครับ โดยวิธีที่จะใช้ในการหยุดยานั้นมีได้หลายวิธี เช่น การรับประทานยาวันเว้นวันตามที่แพทย์แนะนำ หรือใช้วิธีการลดปริมาณยาต่อวันเอา เช่น ลดจากครึ่งเม็ดเหลือ 1/4 เม็ดเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ก่อนที่จะหยุดยา ก็ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ในช่วงที่หยุดยาตามที่แพทย์สั่งนั้นก็ควรมีการสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิดด้วย ถ้าหากในระหว่างที่พยายามผยุดยานั้นเริ่มมีอาการเดิมกลับมาเป็นซ้ำก็ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนวันนัดเพื่อประเมินเรื่องความเหมาะสมในการหยุดยาใหม่อีกครั้งครับ

นอกจากนี้ถ้าหากปัญหาหลักที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นอาการนอนไม่หลับ หมอก็ขอแนะนำวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมมากขึ้นให้นำไปลองปรับใช้ดูครับ หลายๆคนเมื่อทำตามวิธีนี้แล้วก็จะสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาครับ
1. ควรจัดห้องนอนให้มีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีแสงเสียงรบกวน และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. ใช้ห้องนอนเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่ใช้ห้องนอนทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูทีวี ทำงาน อ่านหนังสือ
3. ก่อนนอน 1 ชั่วโมงควรมีเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนสบายๆ พยายามไม่คิดเรื่องเครียด เรื่องกังวลต่างๆ
4. เข้านอนเมื่อง่วงนอนเท่านั้น
5. ถ้าหากเข้านอนไปนาน 15-20 นาทีแล้วยังนอนไม่หลับก็ควรลุกขึ้นมาจากที่นอนเพื่อหากิจกรรมเบาๆทำก่อน แล้วกลับเข้าไปนอนเมื่อรู้สึกง่วงนอนอีกครั้ง
6. ตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันของทุกวัน
7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมก่อนนอนเพราะจะทำให้นอนไม่หลับมากขึ้น
8. ไม่นอนกลางวัน
9. ไม่ดื่มชา กาแฟ หลังเที่ยงวัน
10. ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราก่อนนอน

สวัสดีครับ

จากที่เล่ามาเห็นรูปแบบความคิดของการวิตกกังวลชัดเจนในเรื่องการกลัวการนอนไม่หลับนะครับซึ่งหากปล่อยไว้โดยที่ไม่มีการจัดการที่เหมาะสมก็อาจจะนำไปสู่โรงวิตกกังวลที่รุนแรงมากขึ้นได้ครับ

ก่อนอื่นเลยเห็นความตั้งใจในการลดยานอนหลับลง โดยหากจะเริ่มลองเริ่มในคืนที่อีกวันเป็นวันหยุดดูก็ได้นะครับ วันที่คิดว่าหากนอนดึกหน่อยก็จะไม่ส่งผลกระทบกับอีกวันนึงมากนัก จากนั้นก็ลองไม่ทานยาดู ซึ่งความตั้งใจที่จะหยุดนี้เป็นสิ่งที่ดีนะครับ

ในส่วนของวิธีการที่จะทำให้นอนหลับง่ายขึ้น อยากให้ลองปรับสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมก่อนนอน โดยจัดสภาพแวดล้อมในห้องนอนไม่ให้มีแสงสว่างเข้า ไม่มีเสียงรบกวน และนอนในที่นอนที่เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายครับ ควรงด ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีกก่อนช่วงเวลานอนครับ การอาบน้ำอุ่น ทานนมอุ่นๆหรือกล้วย การออกกำลังกายในช่วงเย็น ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายมีอาการง่วงมากขึ้นได้ครับ แต่พยายามอย่าออกกำลังกายหักโหมก่อนเวลานอนนะครับเพราะการออกกำลังกายหนักๆจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายทำงานและอาจจะทำให้หลับได้ยากขึ้น ด้านล่างนี้ผมได้แนบบทความเกี่ยวกับการนอนไม่หลับไว้นะครับหากต้องการข้อมูลก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ครับ

https://www.honestdocs.co/insomnia-psychiatric-disorders-sleep-deprivation

หากมีความวิตกกังวลเข้ามาอีก แนะนำว่าให้ลองหากิจกรรมทำ เพื่อหันเหความคิดวิตกกังวล หรือลองนั่งสมาธิเพื่อให้ความคิดจดจ่ออยูุ่กับลมหายใจหรือ ปัจจุบันขณะนะครับ สุดท้ายนี้หากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารภสอบถามเข้ามาได้ครับ

จริงๆแล้ว หากมีอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ ก็สามารถทานได้ บางครั้งการที่คุรหมอแนะนำให้ค่อยๆลดยา ก็เพื่อที่จะให้คุรลองปรับพฤติกรรมการนอนด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการรักษาปัญหาการนอนหลับที่ยั่งยืนกว่าการใช้ยา
แต่หากในกรณีที่มีความวิตกกังวล และซึมเสร้าร่วมด้วย ยังไงการใช้ยา sertraline ก็ถือว่าเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาให้อาการดีขึ้นได้นะคะ

ดังนั้นในกรณีนี้ แนะนำให้ลดยาตามคำแนะนำของจิตแพทย์ ค่อยๆลดทีละน้อย ไม่หยุดยากระทันหัน ร่วมกับปรับสุขลักษณะการนอนให้เหมาะสม เช่น เข้านอน-ตื่นนอนเป็นเวลา งดสารเสพติดตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป จัดบรรยากาศในห้องนอนให้ผ่อนคลายเหมาะแก่การนอน ผ่อนคลายความเครียดเป็นประจำ หมั่นออกกำลังกายทุกวัน ค่ะ

ยา Sertraline ไม่มีฤทธิ์เสพติดครับ การใช้ยา Sertraline ในระยะยาวนั้นสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย

ส่วนการลดยาและหยุดยา Sertraline นั้นก็ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและทำภายใต้การดูแลของจิตแพทย์ครับ ถ้าหากจิตแพทย์ที่ดูแลอยู่มีความเห็นว่าควรลดยาลงก็สามารถรับประทานยาเหลือวันละ 1/4 เม็ดไปก่อนได้ และก็ให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการตามนัดครับ