August 05, 2018 16:28
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
สวัสดีค่ะ หูดหงอนไก่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ ถ้าหากคู่นอนเป็น คุณก็มีโอกาสติดต่อได้เช่นกันค่ะ แต่ในผู้ชายบางรายมักจะไม่แสดงอาการอะไรแต่สามารถติดต่อไปยังคู่นอนได้ แต่เมื่อเป็นแล้วจะมีลักษณะของตุ่มคล้ายกะหล่ำขรุขระขึ้นตามอวัยวะเพศรวมถึงรูทวารค่ะ การรักษาหากเป็นไม่มากสามารถใช้ยาทา Podophyllin ถ้าเป็นมากก็อาจจะต้องจี้ออกด้วยไฟฟ้าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
สมทรง นิลประยูร (นพ.)
มีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่ครับ เพราะ แฟนเราเป็นเรามีเพศสัมพันธ์กัน โอกาสติดสูงครับ ซึ่งโรคนี้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ลักษณะของหูดหงอนไก่ มีได้หลายรูปแบบทั้งขนาดและรูปร่าง อาจมีลักษณะเป็นตุ่มเดียว หลายตุ่ม หรือมีขนาดใหญ่คล้ายดอกกะหล่ำ หรือหงอนไก่,สีชมพู หรือสีเนื้อมีผิวขรุขระครับ
หากเริ่มมีอาการควรรีบไปตรวจพบแพทย์ ซึ่งการรักษามีหลายแบบ เช่น การจี้ไฟฟ้า การจี้ด้วยความเย็น การผ่าตัด ใช้ยาpodophyllin แต้มป้ายที่รอยโรค ครับ ซึ่งการรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของหูดหงอนไก่ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีครับคุณหมอ ผมอยากทราบว่า ถ้าแฟนผมเป็นหูดหงอนไก่ แต่ยังไม่เยอะมาก แล้วผมมีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงยางอนามัยเป็นบางครั้งภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ ผมจะมีโอกาสเป็นหูดหงอนไก่มั้ยครับ แล้วถ้าเป็น ผมสามารถใช้ยาทาได้มั้ย เพราะผมต้องไปเรียนต่างประเทศ กลัวว่าจะลำบากในการรักษาหรือสื่อสารกับหมอที่นั่น แล้วระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยประมาณกี่วันหรือกี่เดือนครับ แล้ววันนี้แฟนผมไปพบหมอ แล้วได้ทายาและทดสอบมา ระหว่างที่รอการไปจี้ยาครั้งถัดไปในอีก 2 อาทิตย์ มีวิธีการักษาอื่นๆมั้ย เช่น ทายา เป็นต้น ขอบคุณมากครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)