สวัสดีค่ะ หนูเป็นเพศหญิง อายุ22ปีค่ะ ตอนนี้ปีะจำเดือนไม่มา 1 เดือนแล้วค่ะ และช่วงนี้ก็รู้คัดตึงเต้านมและมีตกขาวจึงคาดว่าประจำเดือนน่าจะใกล้มาแล้ว เมื่อช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหนูได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนประมาณ3ครั้งค่ะ เพราะอยู่ห่างกัน2-3เดือนจะเจอกันทีนึงค่ะ ทั้ง3รอบขณะที่มีเพศสัมพันธ์กลับรู้สึกแสบภายในช่องคลอดค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีเลือดออกแต่อย่างใด ไม่แน่ใจว่าเพราะน้ำหล่อลื่นน้อยหรือเพราะกังวลอะไรหรือเปล่า เพราะช่วงนี้รู้สึกเครียดค่ะ โดยได้มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายคือเมื่อวานตอนเช้าค่ะ แต่ที่ต่างไปจากเดิมคือ วันนี้หนูตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดปัสสาวะ โดยรู้สึกปวดแสบที่อวัยวะเพศและปวดท้องร่วมด้วย ขณะที่ปัสสาวะก็ปวดแสบที่อวัยวะเพศค่ะ หลังจากที่ฉีดล้างทำความสะอาดจึงนำกระดาษทิชชู่มาเช็ด ก็มีเมือกใสปนเลือดติดออกมา หลังจากที่ปัสสาวะเสร็จก็ยังรู้สึกปวดแสบที่อวัยวะเพศและปวดท้องแต่ไม่เท่าในตอนแรกค่ะ อยากทราบว่าเกิดจากอะไรคะ

สวัสดีครับ
อาการแสบขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเมือกปนเลือดไหลออกมา และมีอาการปัสสาวะแสบร่วมด้วยนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- การมีช่องคลอดแห้งจากความกังวล
- มีการบาดเจ็บในช่องคลอดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

นอกจากนี้ถ้าได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันและยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ หมอก็แนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที้สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% ครับ แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การตรวจภายในในช่วงที่ไม่มีประจำเดือนจะได้ผลตรวจที่มีความแน่นอนมากกว่า แต่ถ้าหากในตอนนี้มีอาการปวดแสบในช่องคลอดมาก แสบเวลาปัสสาวะมาก หรือมีอาการปวดท้องรุนแรงก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนได้โดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดครับ