สอบถามเรื่องแผลผ่าไส้ติ่งครับ ผมผ่าไส้ติ่งเมื่อวันที่ 11/5/61 โดยผ่าเป็นแผลแนวยาวด้านข้างประมาณ 8cm ไส้ติ่งไม่แตกแต่มีอาการอักเสบมาก หลังจากผ่าเสร็จหมอไส้ท่อยางแบบนิ่มไว้ระบายน้ำเหลืองเนื่องจากมีน้ำเหลืองใสๆไหลออกมามาก โดยคุณหมอแจ้งว่าถ้าน้ำเหลืองแห้งเมื่อไหรจะเอาท่อออกให้ หลังจากออกโรงพยาบาลต้องไปล้างแผลทุกวันเพื่อให้หมอดูว่าแผลและน้ำเหลืองเพื่อประเมินว่าจะเอาท่อออกได้หรือยัง หลังจากนั้น 7 วันมีการตัดไหมส่วนที่ไม่ติดกับท่อออกแล้ว เหลือไว้แต่ส่วนที่ติดกับท่ออยู่ และน้ำสีเหลืองใสๆที่ซึมออกมาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองข้นๆ ตอนนี้ผ่านไป 26 วันแล้ว แผลด้านข้างแห้งแล้วติดกันดีแต่ก็ยังไม่เอาท่อออกและยังมีน้ำสีเหลืองข้นๆไหลออกมาทุกวัน หลังจากที่ออกจากรพ.มาต้องกินยาฆ่าเชื้อทุกวัน โดยบางช่วงต้องกินยา 2 ตัวคู่กันไป รายละเอียดยาที่กิน AUGMENTIN 1g 13/5/61 - 22/5/61 10 วัน วันที่10 มีอาการผลข้างเคียงจากยาทำให้ท้องเสียจนทำงานไม่ไหวหมอจึงเปลี่ยนยาให้ FLAGY(O) 400mg 23/5/61 - 29/5/61 7 วัน MEIACT 200mg 25/5/61 - 1/6/61 8 วัน FLAGY(O) 400mg 2/6/61 - 5/6/61 4 วัน ลองเปลี่ยนรพ.เพื่อปรึกษาหมอท่านอื่น หมอแนะนำว่าควรนำท่อออกและผ่าใหม่เพื่อขุดเอาหนองออกให้หมดแล้วเย็บปิด รบกวนสอมถามถึงแนวทางการรักษาครับ 1. ผมควรยังใส่ท่อไว้เพื่อระบายน้ำสีเหลืองข้นออกจนแห้ง หรือว่าควรผ่าใหม่เพื่อขุดเอาทุกอย่างออกหรือควรรักษายังไงต่อไปครับ 2. การกินยาเชื้อติดต่อกันนาน26วันแบบนี้มีผลอันตรายต่อตับไตหรือเปล่าครับ ผมแนบรูปและประวัติการรักษามาให้ดูตามไฟล์แนบครับ ขอบคุณครับ

ขอตอบในประเด็นที่ถามนะคะ
เรื่องแรก จากประวัติเดิม น่าจะมีปัญหาเรื่องไส้ติ่งมีการอักเสบติดเชื้อ และมีเนื้อตายค่ะ การรักษาคือ คุณหมอได้ผ่าตัด ระบายน้ำและหนองออกให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การผ่าตัดทุกการผ่าตัด สามารถมีผลแทรกซ้อนได้ค่ะ ซึ่ง ที่สำคัญคือ การติดเชื้อค่ะ สามารถเกิดได้ทุกการผ่าตัด และยิ่งการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง เนื่องจากเดิมคนไข้น่าจะมีการติดเชื้อที่ไส้ติ่งรุนแรงอยู่แล้วด้วยค่ะ เพราะฉะนั้น แนวทางการรักษาเกี่ยวกับการติดเชื้อเพิ่ทเติมหลังผ่าตัด คือ การให้ยาฆ่าเชื้อ หรือ การผ่าตัดเพื่อล้างแผลใหม่ค่ะ โดยทั่วไปคุณหมอจะให้การรักษาโดยไม่ต้องผ่าก่อน ได้แก่การให้ยาฆ่าเชื้อดูก่อน หากอาการไม่ได้เป็นมาก แต่หากอาการไม่ดีขึ้น อาจจะต้องมีการผ่าล้างอีกรอบค่ะ ซึ่งทั้งนี้ มักขึ้นกับดุลพินิจของผู้ป่าตัดนะคะ ถ้าคนไข้ยังไม่อยากผ่า ก็อาจทีทางเลือก เช่น ให้ยาฆ่าเชื้อแบบฉีดดู แต่ถ้าไม่ดีขึ้นทวุดท้ายการผ่าตัดซ้ำ อาจจะเป็นทางออกนะคะ
2.การทานยาฆ่าเชื้อนานๆ ถ้ามีข้อบ่งชี้ มักไม่มีปัญหานะคะ แต่อาจทีผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือ ถ้าทานนานมาก (หลายเดือน หรือเป็นปี อาจมีการติดเชื้อราหรือเชื้อดื้อยาได้ ซึ่งพบได้บ้าง ไม่มากค่ะ

ส่วนใหญ่การใส่สายระบายหน้าท้อง จะใส่จนกว่า น้ำหรือหนองจะออกมาน้อยลง หรือไม่มีเลย นั่นอาจหมายถึง น้ำหรือหนองในช่องท้องหลังผ่าตัดหมดแล้วค่ะ ก็จะสามารถเอาสายระบายออกได้ ซึ่งแต่ละคน ใช้เวลาไม่เท่ากัน คนที่เป็นค่อนข้างรุนแรง อาจใช้ระยะเวลานานค่ะ และกรณีมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน ก็อาจนานขึ้นไปอีก วิธีการที่ดูว่าอาการดีขึ้นหรือน้ำลดลง อาจจะดูจากสีหรือลักษณะของน้ำที่ออกมา และปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน บางครั้งหากสงสัยว่ามีการติดเชื้อซ้ำอาจจะจำเป็นต้อง ได้เข้ารับการตรวจดูจากซีทีสแกน หรือ อัลตราซาวน์ หากสงสัยว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นเช่นแผลไม่ดี เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือการติดเชื้อซ้ำ ก็อาจจะต้องไปผ่าซ้ำค่ะ ทั้งนี้ คุณหมออาจจะต้องพิจาณาถึงความเสี่ยงสำหรับคนไข้ในการผ่าซ้ำค่ะ ดังนั้น รายละเอียดในส่วนนี้ ค่อนข้างต้องใช้ข้อมูลมากกว่านี้นะคะ ทั้งในส่วนของรายละเอียดการผ่าตัดครั้งแรก และการตรวจร่างกายคนไข้จริงๆ ผลเลือดในปัจจุบัน การเพาะเชื้อจากน้ำหรือหนองในช่องท้อง เป็นต้น ซึ่งคุณหมอเจ้าของไข้จะทราบข้อมูลดีที่สุดค่ะ คนไข้ลองพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดถึงวิธีการในการรักษา ข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี กับคุณหมอเจ้าของไข้อีกทีนะคะ

แผลที่เห็นจากภายนอก บอกได้ยากมากๆเลยค่ะ ว่าภายในจะมีลักษณะเป็นอย่างไรนะคะ ส่วนผลแลปต่างๆที่ดู เป็นสิ่งที่ช่วยบอกว่าอาจจะมีการติดเชื้อ แต่ไม่เฉพาะเจาะจงเช่นกันค่ะ อย่างที่แจ้งไปว่า วิธีที่สามารถดูได้ชัดเจนว่าภายในเป็นอย่างไร คือ การทำภาพถ่าย เช่น ct scan หรือ การเปิดผ่าตัดใหม่ค่ะ แต่หมอทุกท่าน ทำได้เพียงให้ข้อมูล ข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธี ทั้งการทานยา หรือ จะผ่าตัดใหม่ แต่สุดท้าย การตัดสินใจของคนไข้ ถือเป็นทึ่สิ้นสุด เป็นสิ่งหมอทุกคนให้ความเคารพ และปฏิบัติตามความต้องการของคนไข้ค่ะ