มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอกมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน โดยไม่ได้กินยาคุมกำเนิดแต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่ได้ใส่ถุงยางแบบหลั่งนอก แต่ก็ไม่ได้ท้อง แฟนเคยกินยาคุมแบบฉุกเฉินไปครั้งหนึ่ง อยากถามว่าครั้งนี้จะท้องมั้ยและควรซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินกินอีกมั้ยครับ

การหลั่งนอกไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4 - 22% โดยในผู้ปฏิบัติโดยทั่วไปมักจะควบคุมการหลั่งได้ไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22%

การที่เคยป้องกันได้ผลในอดีต ไม่ได้เป็นสิ่งที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดและมีปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมขึ้นในอนาคตนะคะ ดังนั้น สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ รีบรับประทานโดยเร็ว หรืออย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ยิ่งใช้เร็วก็ยิ่งมีอัตราการตั้งครรภ์ต่ำกว่า (การใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีอัตราการตั้งครรภ์ต่ำกว่าการใช้ที่เวลา 72 - 120 ชั่วโมง)

อย่างไรก็ตาม แม้ใช้ยาคุมฉุกเฉินได้เร็วแค่ไหนก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ (และตัวเลขจะสูงขึ้นหากใช้ล่าช้า) เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติ จึงแนะนำให้ใช้เฉพาะกรณีจำเป็นที่ไม่สามารถป้องกันด้วยวิธีอื่นที่ดีกว่าได้ เช่น ถูกข่มขืน, ถุงยางฉีกขาด, ลืมรับประทานยาคุมรายเดือน, ลืมฉีดยาคุมต่อตามนัด เป็นต้น

และต่อไป หากยังไม่พร้อมจะมีลูก แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ เพราะหากใช้ได้ถูกต้องและไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยเพียง 2% ค่ะ

หรือหากต้องการวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่านี้ เมื่อแฟนของคุณมีประจำเดือนมาแล้ว แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อปรึกษาการใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสมนะคะ เช่น ยาคุมรายเดือน, แผ่นแปะคุมกำเนิด, ยาฉีดคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด, ห่วงอนามัย หรือจะใช้ถุงยางอนามัยต่อไปก็ได้ค่ะ

1. ใช้ยาคุมฉุกเฉินได้ตามจำเป็นค่ะ ในอดีตจะมีความกังวลกันว่าหากใช้บ่อย จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งการศึกษาต่อมาในปัจจุบัน ชี้ว่าไม่เกี่ยวข้องกันค่ะ แต่เหตุผลที่ยังแนะนำว่าไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย เนื่องจากประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดปกติมาก ดังนั้น หากใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ แทนที่จะคุมด้วยวิธีคุมกำเนิดปกติอย่างถุงยางอนามัยหรือยาคุมกำเนิด ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินจะมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้สูงกว่าหลายเท่าค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น ต่อให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินได้เร็วแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% แต่ถ้าใช้ถุงยางได้ถูกต้อง และไม่มีการรั่วซึมหรือฉีกขาด มีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 2% หรือหากใช้ยาคุมรายเดือนได้ถูกต้องและเหมาะสม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 0.3% จะเห็นได้ว่า การคุมกำเนิดด้วยวิธีปกติ มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำกว่ายาคุมฉุกเฉินหลายเท่า

2. ยังไม่ควรรับประทานยาคุมแบบธรรมดาค่ะ เนื่องจาก ยาคุมธรรมดาไม่มีผลป้องกันฉุกเฉิน และควรใช้ในกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งหากใช้ในช่วงเวลานี้ จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน

แต่ถ้าใช้ไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว (ใช้ได้ในกรณีที่ไม่มีเพศสัมพันธ์เลยนับตั้งแต่วันที่ประจำเดือนมาครั้งล่าสุดมาจนถึงวันที่จะเริ่มใช้ยา) หากใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม จะต้องรับประทานติดต่อกันจนครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ ดังนั้น ใน 7 วันแรกที่เริ่มรับประทานยาจะต้องใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ

อีกทั้ง การใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน จะต้องมีการตรวจและประเมินก่อนว่า สภาวะทางสุขภาพของผู้ใช้ ไม่เป็นข้อจำกัดในการใช้ยาคุมชนิดนั้น ๆ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา หากสนใจจะใช้ยาคุมกำเนิด แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เมื่อประจำเดือนมาแล้ว (ประจำเดือนมาแล้วไปได้เลยค่ะ อย่ารอให้ประจำเดือนหมดก่อน) เพื่อให้คุณหมอพิจารณาว่ายาคุมชนิดใด หรือวิธีคุมกำเนิดชนิดใดที่เหมาะกับแฟนของคุณค่ะ