ทีมเภสัชกร HD
เขียนโดย
ทีมเภสัชกร HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

วิธีใช้ยานอนหลับให้ปลอดภัย และข้อที่ทุกคนควรระวัง

ยานอนหลับ ดีไหม กินอย่างไรให้ปลอดภัย?
เผยแพร่ครั้งแรก 10 มี.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 4 เม.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
วิธีใช้ยานอนหลับให้ปลอดภัย และข้อที่ทุกคนควรระวัง

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • การนอนหลับคือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด ดังนั้นหากนอนไม่หลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ย่อมทำให้เกิดปัญหาทั้งทางร่างกายและจิตใจตามมา เช่น อ่อนเพลีย  ไม่สดชื่น ไม่มีสมาธิ
  • แนวทางการแก้ปัญหานอนไม่หลับด้วยการไม่ใช้ยานอนหลับ เช่น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลัง 13.00 น. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน  หลีกเลี่ยงการเสพเรื่องราวตื่นเต้น สยองขวัญ
  • การรักษาด้วยยานอนหลับ นิยมใช้ยา 2 กลุ่ม คือ กลุ่มยาออกฤทธิ์เร็ว (ออกฤทธิ์ภายใน 15-30 นาที) และกลุ่มยาออกฤทธิ์ช้า (ออกฤทธิ์หลังจาก 30 นาทีไปแล้ว)
  • ยานอนหลับควรใช้ในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากการใช้ยาต่อเนื่องนานๆ จะทำให้การตอบสนองกับยาลดลงจนต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อยๆ และอาจทำให้เกิดการติดยาในภายหลัง
  • ยานอนหลับเป็นยาที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ควรใช้ภายใต้ความควบคุมของแพทย์เท่านั้นเพื่อความปลอดภัย (ดูแพ็กเกจตรวจการนอนหลับได้ที่นี่)

ปัจจุบันพบว่า หลายๆ คนกำลังประสบกับปัญหานอนไม่หลับเนื่องจากความเครียด เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดความผิดปกติของสารเคมีภายในสมองและฮอร์โมนตามมา หลายคนจึงต้องหันมาพึ่ง "ยานอนหลับ"

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณนอนไม่หลับ

เมื่อนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ วิตกกังวล ทำให้ไม่สดชื่น ทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคซึมเศร้าได้ การนอนไม่หลับจึงเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพสำคัญของผู้คนในปัจจุบัน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

หากมีอาการนอนไม่หลับติดต่อกันมากกว่า 3 สัปดาห์จะถือว่า "เป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง" หากมีอาการเช่นนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละคน

แนวทางการรักษาปัญหานอนไม่หลับ

การรักษาปัญหาการนอนไม่หลับมีทั้งการไม่ใช้ยาและใช้ยา

การรักษาโดยไม่ใช้ยา

แพทย์จะเริ่มต้นด้วยวิธีไม่ใช้ยาก่อน เบื้องต้นแพทย์จะค้นหาสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับก่อน และให้หลีกเลี่ยง ดังนี้ 

  • หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลัง 13.00 น.
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน 
  • หลีกเลี่ยงการดูรายการโทรทัศน์ที่ตื่นเต้น หรือสยองขวัญ 

การรักษาโดยใช้ยา

หากพยายามแก้ไขสาเหตุรวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์จึงจะพิจารณาให้ใช้ยานอนหลับร่วมด้วยในการรักษา ยานอนหลับแบ่งออกเป็นกลุ่มดังนี้ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

  • กลุ่มที่ออกฤทธิ์เร็ว ช่วยเหนี่ยวนำให้หลับ ทำให้หลับภายหลังรับประทานยาประมาณ 15-30 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเริ่มหลับยาก 
  • กลุ่มที่ออกฤทธิ์ช้า ยาจะออกฤทธิ์ภายหลังรับประทานยาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเริ่มหลับยาก แต่ตื่นกลางดึกบ่อยแล้วนอนต่อไม่หลับ 

อย่างไรก็ตาม การรับประทานยานอนหลับมีผลข้างเคียงเช่นกันและอาจทำให้ติดได้ จนต่อไปหากไม่รับประทานยาก็จะนอนไม่หลับ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานอนหลับทุกครั้ง

ยานอนหลับ หรือยาที่ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ

1. ยากลุ่มต้านฮิสตามีนรุ่นที่ 1 (First generation antihistamine) 

ยากลุ่มต้านฮิสตามีนรุ่นที่ 1 นิยมใช้บรรเทาอาการแพ้ผื่นคัน หรือแพ้อากาศ ยากลุ่มนี้สามารถจับกับตัวรับฮิสตามีนในสมองได้ จึงมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึม สามารถนำมาใช้ช่วยให้นอนหลับได้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า  ยากลุ่มนี้จะมีผลข้างเคียงน้อยแต่จัดเป็นยาอันตราย หาซื้อได้ในร้านขายยา แต่ต้องจ่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น 

ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่ทำให้ง่วง เช่น 

สำหรับยาต้านฮิสตามีนรุ่นที่ 2 และ 3 ไม่ค่อยมีผลทำให้ง่วงนอน เนื่องจากยาไม่ผ่านเข้าสมอง หรือผ่านได้น้อยมาก จึงไม่มีผลกดระบบประสาทส่วนกลาง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

2. เมลาโทนิน (Melatonin)


เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนในร่างกายที่สร้างจากต่อมไพเนียล (Pineal gland) ทำหน้าที่ควบคุมวงจรการหลับการตื่นของร่างกายและช่วยให้นอนหลับสนิท หากกลไกการผลิตเมลาโทนินถูกรบกวน เช่น เดินทางไปต่างประเทศโดยข้ามช่วงเวลา ทำงานกะดึก หรือนอนหลับไม่เป็นเวลา 

สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับได้ 

ปัจจุบันมีการผลิตยาเมลาโทนินออกจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดชนิดออกฤทธิ์นาน (Prolonged-released Tablet) ขนาด 2 มิลลิกรัม/เม็ด เพื่อใช้ในผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ และช่วยลดอาการนอนไม่หลับจากการเดินทางไปต่างประเทศโดยข้ามช่วงเวลาและเกิดอาการอ่อนเพลีย หรือ “เจ็ตแล็ก (jet lag)” ได้

เมลาโทนินสามารถหาซื้อได้ในร้านขายยา โดยควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ 

วิธีรับประทาน: ให้รับประทานทั้งเม็ด วันละ 1 ครั้งก่อนนอน โดยห้ามหัก แบ่ง บด เคี้ยว เริ่มกินยาตั้งแต่ก่อนเข้านอนวันแรกที่เดินทางไปต่างประเทศที่เปลี่ยนช่วงเวลาจากประเทศเดิม รับประทานประมาณ 3 คืนติดต่อกันต่อเนื่อง จนสามารถนอนหลับได้เองตามปกติ

3. ยากลุ่มเบนโซไดอะซิพีน (Benzodiazepine)


ยากลุ่มเบนโซไดอะซิพีนเป็นยานอนหลับชนิดออกฤทธิ์เร็ว ทำให้หลับหลังจากรับประทานยาประมาณ 15 นาที 

ยากลุ่มนี้จัดเป็นยาควบคุม ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เนื่องจากมีการนำไปใช้เพื่อล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่นขณะนอนหลับ หรือที่เรียกว่า “ยาเสียสาว” และหากใช้ไปนานๆ ยังอาจทำให้เสพติดได้ 

อย่างไรก็ตาม แพทย์นิยมใช้ยากลุ่มเบนโซไดอะซิพีนเพื่อลดความกังวลและช่วยให้นอนหลับแก่ผู้ป่วยมากที่สุด ตัวยามีทั้งในรูปแบบรับประทานและยาฉีด 

  • ตัวอย่างตัวยารูปแบบยาฉีด ได้แก่ Diazepam, Midazolam 
  • ตัวอย่างตัวยาชนิดรับประทาน ได้แก่ Diazepam, Clorazepat, Chlordiazepoxide, Lorazepam, Alprazolam และ Clonazepam

ข้อควรระวังในการใช้กลุ่มยานอนหลับ

  • ควรใช้ยานอนหลับเป็นระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากการใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้การตอบสนองกับยาลดลงจนต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้นอนหลับได้ และอาจทำให้เกิดการติดยาในภายหลัง
  • ควรใช้ยานอนหลับในความดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาเกินขนาดจะกดการทำงานของสมองที่ควบคุมการหายใจ อาจทำให้เกิดการหายใจล้มเหลว และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
  • ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งถึงประวัติโรคเดิมที่เป็นอยู่ รวมถึงประวัติการใช้ยาในปัจจุบัน
  • ไม่ควรหยุดใช้ยาทันที หากใช้ยานอนหลับในปริมาณมาก หรือใช้ยาที่มีฤทธิ์แรงเป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานๆ เพราะอาจมีอาการถอนยาตามมา เช่น นอนไม่หลับมากขึ้น กระสับกระส่าย มือสั่น ใจสั่น หรือวิตกกังวลได้
  • ห้ามขับขี่รถ หรือควบคุมเครื่องจักรหลังรับประทานยานอนหลับ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอันตรายถึงชีวิตได้ ควรรับประทานยานอนหลับเฉพาะเมื่อจะเข้านอนแล้วเท่านั้น
  • การใช้ยานอนหลับควรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยโรคตับ ไต และผู้สูงอายุ
  • หลีกเลี่ยงใช้ยานอนหลับในเด็กเล็ก ผู้ป่วยโรคปอด และผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ผู้ที่ใช้ยาที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทอื่นๆ เนื่องจากยามีผลกดการหายใจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 
  • การใช้ยาในเด็กควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง และใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
  • หลีกเลี่ยงใช้ยานอนหลับในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร เนื่องจากยานอนหลับมีผลต่อทารกในครรภ์ และยาอาจถูกขับออกมาทางน้ำนมทำให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้
  • ควรงดบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในช่วงที่ใช้ยานอนหลับ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ อาจกดการหายใจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

นอกจากนี้ระหว่างใช้ยานอนหลับยังควรปฏิบัติตัวตามสุขอนามัยในการนอนที่ดีร่วมด้วย ดังนี้ 

  • พยายามเข้านอน และตื่นนอนให้เป็นเวลา 
  • หาวิธีผ่อนคลายความเครียด 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน 
  • งดสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติดอื่นๆ 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 
  • รับประทานอาหารมื้อเย็นที่ย่อยง่าย
  • จัดห้องนอนให้เหมาะแก่การพักผ่อน สะอาด ปราศจากเสียงรบกวนทั้งแสง และเสียง 

คำแนะนำเหล่านี้ เป็นคำแนะนำเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้นอนไม่หลับ รวมถึงความเครียด และวิตกกังวลในใจให้น้อยลง เพื่อให้นอนหลับด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งยา

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ยานอนหลับ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?
ยานอนหลับ แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร?

รู้จักยานอนหลับประเภทต่างๆ และผลข้างเคียงก่อนเลือกใช้ตามความเหมาะสม

อ่านเพิ่ม
ทำหัวนมชมพู สักหัวนมชมพู ทางเลือกสำหรับสาวๆ อยากหน้าอกสวย
ทำหัวนมชมพู สักหัวนมชมพู ทางเลือกสำหรับสาวๆ อยากหน้าอกสวย

ทำหัวนมชมพู สักหัวนมชมพู คืออะไร ต้องเตรียมตัวอย่างไร ราคาเท่าไร อันตรายหรือเปล่า?

อ่านเพิ่ม